MONEY

โดย กองบรรณาธิการ M2F

15 ตุลาคม 2562 : 19:11 น.

รองนายกฯจัด Kickoff โครงการประกันรายได้เกษตรกร แจกเงินชาวนากลางท้องนาเมืองกรุงเก่า บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก

เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2562 นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ ได้มาเป็นประธาน กิจกรรม Kickoff เปิดโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ณ ที่สำนักงานองค์การบริหารส่วนตำบลหลักชัย อ.ลาดบัวหลวง จ.พระนครศรีอยุธยา โดยมี ชาวนาในเขตพื้นที่ภาคกลางจ.สุพรรณบุรี อ่างทอง และ พระนครศรีอยุธยา จำนวนมากเดินทางมาให้การต้อนรับ พร้อมชูป้ายยินดีการเดินทางมาของนายจุรินทร์ กันอย่างคึกครื้น และถึงกับทำให้นายจุรินทร์ ยิ้มแก้มปริ และยังได้ถ่ายรูปกับเกษตรกรอย่างมีความสุข

จากนั้น นายจุรินทร์ ได้ขึ้นเวทีพบปะพูดคุยทำความเข้าใจกับเกษตรกร ถึงความพยายามของรัฐบาล ที่ช่วยเหลือเกษตรกรทุกกลุ่ม โดยได้จัดทำโครงการประกันรายได้ให้กับเกษตรกรรวม 5 กลุ่มได้แก่ นาข้าว ยางพารา ข้าวโพด มันสำปะหลังและปาล์มน้ำมัน เป็นเงินชดเชยส่วนต่างจากราคาผลผลิตที่ขายได้จริงในท้องตลาด

อย่างไรก็ตาม ในวันนี้กิจกรรมที่ จ.พระนครศรีอยุธยา รัฐบาลได้ประเดิมจ่ายเงินส่วนต่างให้กับเกษตรกรปลูกข้าวเป็นวันแรก และเป็นไปตามมติ ครม. เมื่อวันที่ 27 สิ่งหาคม 2562 ที่ได้อนุมัติในหลักการของโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2562/63 ฤดูกาลปลูกรอบที่ 1 โดยจะประกันรายได้แก่เกษตรกรดังนี้ ข้าวเปลือกหอมมะลิ ตันละ 15,000 บาทไม่เกินครัวเรือนละ 14 ตัน ข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่ ตันละ 14,000 บาท ไม่เกินครัวเรือนละ 16 ตัน ข้าวเปลือกเจ้า ตันละ 10,000 บาท ไม่เกินครัวเรือนละ 25 ตัน และข้าวเปลือกเหนียว ตันละ 12,000 บาท ไม่เกินครัวเรือนละ16 ตัน

อีกทั้งเมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2562 โดยคณะอนุกรรมการกำกับดูแลได้กำหนดราคาหลักเกณฑ์อ้างอิง ในการชดเชยส่วนต่างราคาข้าวเปลือกของ โครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวเปลือกหอมมะลิ ไว้ที่ราคาตันละ 16,723 บาท ข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่ไว้ที่ราคาตันละ 15,651 บาท ข้าวเปลือกเจ้าตันละ 7,530 บาท ข้าวเปลือกหอมปทุมธานีอยู่ที่ตันละ 10,216 บาท และข้าวเปลือกเหนียวอยู่ที่ตันละ 18,926 บาท ส่งผลให้รัฐบาลต้องชดเชยส่วนต่างในข้าวเปลือก 2 ชนิด ได้แก่ข้าวเปลือกเจ้า ตันละ 2,469 บาท และข้าวเปลือกหอมปทุมธานี ชดเชยส่วนต่าง ตันละ 783 บาท

อย่างไรก็ตามในวันนี้ ธกส.ได้นำรถโมบายเคลื่อนที่มาเปิดบริการ โอนเงินก้อนแรก จำนวน 43,793 บาทเศษ ให้แก่เกษตรกร ที่เป็นรายแรกตามโรครงการ ฯ ซึ่งทำนาข้าวเปลือกเจ้า จำนวน 22 ไร่ ซึ่งนายจุรินทร์ บริการอำนวยความสะดวกเบิกถอนเงินโชว์สื่อมวลชน เรียกเสียงฮือฮาและสร้างรอยยิ้มให้กับชาวนา ที่เดินทางมาต้อนรับรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เป็นอย่างยิ่ง จากนั้นรองนายกและคณะร่วม ได้กันกดปุ่มเปิดโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว

นายจุรินทร์ ยังกล่าวกับชาวนาอีกว่า ในส่วนของชาวนาที่ปลูกข้าวตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด แต่ต้องมาประสบปัญหาภัยแล้งก็ดี หรือน้ำท่วมนาล่มก็ดี หากขึ้นทะเบียนปลูกข้าวอยู่ในหลักเกณฑ์กำหนดตามรอบวันเก็บเกี่ยวแล้วจะได้รับสิทธิ์รับเงินส่วนต่างเหมือนกับเกษตรกรที่เก็บเกี่ยวข้าวได้ ส่วนที่ชาวนาเรียกร้องให้รัฐบาลช่วยเหลือชาวนาอย่างต่อเนื่องในฤดูกาลใหม่ หากข้าวเปลือกล้นตลาดเกินความต้องการ หรือมีผลผลิตออกมามากพร้อมกันทำราคาตกต่ำ รัฐบาลก็จะทำการพิจารณาช่วยเหลือ โดยอนุมัติเงินเข้ามากักเก็บข้าวเป็นครั้งคราวไป เพื่อไม่ให้เสียกลไกรของตลาด

ด้านนายภูวดล อุดมผล ชาวนา ทำนา 30 ไร่ เกษตรกรรุ่นใหม่ และนายไกรเลิศ แสงเมฆ ทำนา 70 ไร่ เกษตรกรที่ทำนามาอย่างยาวนาน เปิดเผยในทิศทางเดียวกันว่า บอกพึงพาใจที่รัฐบาลจัดทำโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว นับว่าเป็นผลดีกับเกษตรกร ที่ไม่ต้องขาดทุนมากพอจะมีเงินเหลือนำไปชำระค่ายา ค่าปุ๋ยได้บ้าง ทั้งคู่ยังคงยืนยันว่าฤดูกาลเก็บเกี่ยวครั้งหน้า ผลผลิตจะออกมาในช่วงต้นเดือนมกราคม 2563 ซึ่งจะมีผลผลิตออกมามากด้วย จึงขอให้รัฐบาลเตรียมมาตรการช่วยเหลือราคาข้าวไว้ได้เลย

ส่วนตัวเกษตรกรส่วนใหญ่ ได้พยายามลดต้นทุนการผลิตข้าวมาอย่างต่อเนื่อง สิ่งที่จะลดต้นทุนการผลิตมีเพียงลดการใช้ปุ๋ยเคมี ยาเคมีกำจัดศัตรูนาข้าวเท่านั้น หากลดไปมากกว่านี้ผลผลิตที่ออกมาก็จะลดต่ำลงตามไปด้วย ก็จะเกิดผลกระทบต่อชาวนาอยู่ดี ทางที่ดีรัฐบาลต้องหามาตรการช่วยเหลือทางใดทางหนึ่ง อย่างน้อยขอให้ข้าวเปลือกเจ้าอยู่ที่ราคาตันละ 10,000 บาท ในความชื้นที่กำหนด เชื่อว่าเกษตรกรยังพอมีกำไรนำเงินไปเลี้ยงครอบครัวส่งลูกหลานเรียนเป็นกำลังของประเทศต่อไป ส่วนยาฆ่าแมลงและกำจัดศตรูพืช รวมถึงยาฆ่าหญ้า ที่เป็นสารเคมี 3 ตัว ซึ่งมีการเรียกร้องให้ยกเลิกการใช้นั้น แท้จริงชานาก็ไม่อยากใช้ แต่จำเป็นเพราะเพื่อรักษาผลผลิตให้คงเหลือพอที่จะเก็บเกี่ยวได้ หากห้ามก็ต้องมตัวช่วยอื่น ที่ได้ผลดีกว่า ราคาถูกกว่า มาทดแทน

นายประจิน จันทรพานิชย์ ผู้อำนวยการสำนักงาน ธ.ก.ส.พระนครศรีอยุธยา เปิดเผยว่า ขณะนี้โครงการประกันรายได้รอบแรกของ จ.พระนครศรีอยุธยา นั้น ธ.ก.ส.อยุธยา ได้จ่ายเงินให้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปี ประจำปี 2562/63 ไปแล้วรวม 16 อำเภอ 18,934 ครัวเรือน เป็นเงิน 571,665,439 ล้านบาท ซึ่งเป็นไปตามระเบียบการที่กำหนด

นอกจากนี้พบว่า นายจุรินทร์ ใช้เวลาเกือบ 2 ชั่วโมง การทำกิจกรรมและพบกับชาวนาและพี่น้องประชาชน ซึ่งบรรยากาศโดยรวมเป็นไปอย่างคึกคัก และเป็นที่ประทับใจของทุกฝ่าย

ข่าวเด่น

The 1 Insight เผยกลยุทธ์มัดใจ Silver Spenders วัยเก๋าพร้อมเปย์ ชี้ทางรอดแบรนด์ยุค Complete Aged Society พร้อมเทรนด์เด่น Self-Indulgence & Health Enthusiast

The 1 Insight เผยกลยุทธ์มัดใจ Silver Spenders วัยเก๋าพร้อมเปย์ ชี้ทางรอดแบรนด์ยุค Complete Aged Society พร้อมเทรนด์เด่น Self-Indulgence & Health Enthusiast

LH Bank สนับสนุนสินเชื่อจำนวน 1,950 ล้านบาท ให้แก่กลุ่มบริษัท ที ที เอส พลาสติก

นายฉี ชิง-ฟู่ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ ธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) (LH Bank) (ที่ 3 จากขวา) ร่วมลงนามให้การสนับสนุนสินเชื่อจำนวน 1,950 ล้านบาท แก่กลุ่มบริษัท ที ที เอส พลาสติก

ข่าวที่น่าสนใจ