Frasers Property และ Hitachi ร่วมลงนามใน MOU มูลค่า 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อขับเคลื่อนการปฏิรูปทางดิจิตอลของอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ในเอเชีย-แปซิฟิก
บริษัท ฮิตาชิ เอเชีย จำกัด (“Hitachi Asia”) และ บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (“Frasers Property” พร้อมกับบริษัทในเครือ “Frasers Property Group” ) ประกาศลงนามในบันทึกข้อตกลงความเข้าใจในความร่วมมือ (MOU) ในการร่วมทุน 50 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จากแต่ละฝ่าย เพื่อร่วมมือกันขับเคลื่อนการปฏิรูปทางดิจิตอลของอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ในเอเชีย-แปซิฟิกอย่างต่อเนื่องในระยะเวลาห้าปีข้างหน้านี้ โดยมีการคาดการณ์ขนาดของตลาดที่เข้าถึงได้ในเอเชีย-แปซิฟิกจะมีมูลค่าถึง 82 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 25681 ไม่รวมญี่ปุ่นและจีน
ในบันทึกข้อตกลงความเข้าใจในความร่วมมือดังกล่าว ซึ่งลงนามที่กรุงเทพฯ ได้ระบุไว้ว่า ทั้งสองบริษัทจะศึกษาหาโอกาสใหม่ ๆ เพื่อเร่งให้เกิดการปฏิรูปทางดิจิตอลสำหรับ เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ กรุ๊ป และอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ โดยจะเริ่มต้นในสิงคโปร์ ไทย และออสเตรเลีย รวมไปถึงการร่วมกันพัฒนาและลงทุนในบริการใหม่ ๆ
ด้วยความเชื่อมั่นที่มีร่วมกันว่า เทคโนโลยีและการปฏิรูปทางดิจิตอลจะขับเคลื่อนแนวทางการดำเนินธุรกิจในอนาคต และช่วยพัฒนาสังคมให้ดีขึ้น ทีมงานทางเทคนิคและธุรกิจของ ฮิตาชิ เอเชีย, เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ กรุ๊ป และสถาบันการเงินของญี่ปุ่นได้ทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด ในการพัฒนาแพลตฟอร์มที่มีความหลากหลาย เพื่อส่งมอบเทคโนโลยีและโครงสร้างพื้นฐานใหม่ เช่นโซลูชันการให้บริการโครงสร้างพื้นฐาน (IaaS) ซึ่งจะสร้างความสุขและประสบการณ์เป็นเลิศสำหรับอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ ทั้งสองบริษัทจะใช้ข้อได้เปรียบและทรัพยากรของกันและกันเพื่อร่วมกันคิดค้นวิธีเสริมความแข็งแกร่งให้กับพอร์ตโฟลิโออสังหาริมทรัพย์ของ เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ กรุ๊ป ให้มีความยั่งยืน อันเป็นการต่อยอดจากโครงการที่เริ่มต้นแล้ว โดยศึกษาการออกแบบบริการของเมืองอัจฉริยะสำหรับระบบปฏิบัติงานการบริหารสถานที่ตลอดจนสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับโครงการ One Bangkok ซึ่งเป็นโครงการแรกในประเทศไทยที่สร้างและออกแบบที่เชื่อมโยงสรรพสิ่งเข้าด้วยกันโดยคำนึงถึงคนเป็นศูนย์กลาง ทั้งยังเน้นด้านความยั่งยืนทางสิ่งแวดล้อมและการใช้ชีวิตในเมืองอัจฉริยะ
“เรายินดีอย่างยิ่งที่ได้ร่วมงานกับ เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ซึ่งเป็นพันธมิตรที่มีความเชื่อเหมือนกับเราในด้านการส่งเสริมสังคมที่ยั่งยืน ด้วยธุรกิจนวัตกรรมสังคม (Social Innovation Business) ของ ฮิตาชิ เราจะใช้เทคโนโลยีเชิงปฏิบัติงาน (OT) และความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ (IT) ของเรา ร่วมกับ เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ เพื่อพัฒนาโซลูชัน go-to-market และสร้างชีวิตที่ดีขึ้นและความสุขให้กับผู้คน” นายโคจิน นากากิตะ รองประธานกรรมการและเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายกลยุทธ์ส่วนภูมิภาคเอเซีย-แปซิฟิก ประธานบริษัท บริษัท ฮิตาชิ เอเชีย จำกัด และประธานบริษัท บริษัท ฮิตาชิ อินเดีย จำกัด กล่าว
“อุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์กำลังพัฒนาอย่างรวดเร็ว นั่นหมายความว่าเราจำเป็นต้องหาวิธีสร้างประสบการณ์ใหม่ให้กับลูกค้าของเรา สิ่งที่เราประกาศในวันนี้ เป็นจุดเริ่มต้นของการร่วมมือกันเพื่อเร่งการปฏิรูปทางดิจิตอลสำหรับ เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ เรายินดีอย่างยิ่งที่ได้ร่วมงานกับ ฮิตาชิ และแบ่งปันความรู้ด้านอสังหาริมทรัพย์และการตลาดท้องถิ่นรวมถึงเครือข่ายของเรา" นายปณต สิริวัฒนภักดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด กล่าว
พันธกิจของ ฮิตาชิ คือ การช่วยเหลือสังคมผ่านการพัฒนาเทคโนโลยีและผลิตภัณฑ์ที่มีประสิทธิภาพสูง ด้วยพันธกิจนี้ ฮิตาชิ จึงมุ่งมั่นใน ธุรกิจนวัตกรรมสังคม ของบริษัทด้วยแนวคิด "Powering Good" ในการดำเนินการตามพันธกิจนี้ บริษัทจะปรับปรุงคุณภาพชีวิตและสร้างความสุขให้แก่ผู้คนอย่างต่อเนื่อง และสร้างสังคมที่ยั่งยืน โดยอาศัยความร่วมมือกับลูกค้าและพันธมิตรทางธุรกิจเพื่อก้าวไปสู่ เป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน (Sustainable Development Goals) ซึ่งสะท้อนถึงการสืบทอดจิตวิญญาณของ ฮิตาชิ ในด้านการให้ร่วมมือและเทคโนโลยีของบริษัทเพื่อสร้างสิ่งดี ๆ ให้แก่ชนรุ่นหลัง
โดยความเชื่อและประสบการณ์ เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ กำลังเปลี่ยนแปลงวิธีการดำเนินธุรกิจอสังหาริมทรัพย์โดยให้ผู้คนสามารถเข้าถึงกันอย่างอิสระ เป้าหมายของบริษัทคือการทำให้เมืองเป็นสถานที่ซึ่งเข้าถึงได้ง่ายขึ้น ช่วยให้ลูกค้าดำเนินธุรกิจได้สะดวกขึ้น และสร้างความสุขให้แก่ผู้อยู่อาศัย นักท่องเที่ยว และเหล่านักช็อป ซึ่งเป็นแรงบันดาลใจให้ เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ เกิดความมุ่งมั่นในการสร้างอนาคตของอสังหาริมทรัพย์ ด้วยการสร้างประสบการณ์ใหม่ ๆ และสร้างมูลค่าให้กับลูกค้า พนักงาน ผู้ลงทุน และพันธมิตร ยิ่งไปกว่านั้น เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ มีเป้าหมายที่จะเป็นผู้นำด้านความยั่งยืน และมุ่งมั่นเพื่อสร้างสังคมที่มีความสะดวกสบายและยั่งยืนต่อไป
