Jumanji : The Next Level การกลับมาพบกันอีกครั้งของวัยรุ่นทั้งสี่ที่รอดชีวิตจากการทดสอบของJumanji
ฉลองคริสต์มาสปีนี้ให้พิเศษกว่าทุกปี ผจญภัยไปกับจูแมนจี้ภาคใหม่ ใน Jumanji : The Next Level (เกมดูดโลก ตะลุยด่านมหัศจรรย์) ผลงานของผู้กำกับ เจค แคสแดน ที่มาพร้อมนักแสดงชั้นนำอย่าง ดเวย์น จอห์นสัน,คาเรน กิลแลน, เควิน ฮาร์ต และแจ็ก แบล็ก
ผจญภัยสุดตื่นเต้นไปกับจูแมนจี้ที่ครั้งนี้ฟื้นคืนชีพอีกครั้ง หลังจากเด็กหนุ่มคนหนึ่งเผลอไปเจอเครื่องเล่นเกมตลับแล้วซ่อมมันให้กลับมาใช้งาน แต่เรื่องไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เมื่อเกมได้ดูดพวกเขาเข้าไปในเครื่องและต้องสวมบทตัวละครสุดฮา ออกตะลุยด่านใหม่ๆ ที่เต็มไปด้วยความโหด ทั้งทะเลทราย ยุคน้ำแข็ง ป่าดงดิบที่เต็มไปด้วยสัตว์อันตราย
ข้อมูลงานสร้าง
Jumanji: The Next Level เป็นการกลับมาพบกันอีกครั้งของวัยรุ่นทั้งสี่คนที่รอดชีวิตจากการทดสอบของ Jumanji: Welcome to the Jungle เมื่อพวกเขากลับจากมหาวิทยาลัยของพวกเขาไปยังบ้านที่แบรนด์ฟอร์ด รัฐนิวแฮมป์เชียร์ สำหรับเทศกาลปีใหม่ ตอนนี้ พวกเขาเป็นนักศึกษากันแล้ว และพวกเขาก็พยายามจะจัดการกับขั้นตอนต่อไปในชีวิตของพวกเขาแต่ละกัน หลังจากที่สเปนเซอร์ถูกชักจูงให้กลับเข้าไปในเกมอีกครั้ง มาร์ธา, ฟริดจ์และเบธานีย์จะต้องร่วมมือกัน กระโดดเข้าไปในโลก Jumanji อีกครั้งเพื่อปฏิบัติภารกิจช่วยเหลือสุดท้าทายเพื่อนำสเปนเซอร์กลับบ้านให้จงได้
แต่เกมกลับพังไปแล้ว และมันก็ตอบโต้กลับ ทุกสิ่งที่พวกเขารู้จักเกี่ยวกับ Jumanji กำลังจะเปลี่ยนไป เมื่อพวกเขาได้ค้นพบว่า มันมีอะไรมากกว่าการเป็นแค่ป่า มันใหญ่ขึ้น อันตรายขึ้น และมีอุปสรรคที่ลุ้นระทึกให้ได้ฝ่าฟันมากขึ้น ซึ่งนั่นหมายความว่าอะไรๆ ก็สามารถเกิดขึ้นได้ทั้งนั้น ดังนั้น นอกเหนือจากแอ็กชันตระการตา วิชวล เอฟเฟ็กต์เหลือเชื่อและโลเกชันที่อลังการแล้ว คุณควรจะคาดหวังได้ถึงสิ่งที่ไม่คาดฝันด้วย
นอกจากนั้น ผู้ที่กลับมาโลดแล่นอีกครั้งก็คือทีมอวาทาร์ของดเวย์น จอห์นสัน ในบทดร.สโมลเดอร์ เบรฟสโตน, แจ็ค แบล็ค ในบท ดร.เชลลี โอเบรอน, เควิน ฮาร์ทในบท เมาส์ ฟินบาร์และคาเรน กิลเลนในบทรูบี้ ราวน์เฮาส์ และนิค โจนาสในบทซีเพลน ร่วมด้วนผู้เล่นหน้าใหม่ แดนนี โกลเวอร์ ในบท ไมโล, แดนนี เดอวีโตในบทคุณปู่เอ็ดดี้และอควอฟินาในบทอวาทาร์ใหม่ หมิง อย่างไรก็ดี สิ่งต่างๆ ไม่ได้เป็นอย่างที่เห็นเสมอไปและพวกเขาก็ต้องอาศัยพลกำลังของตัวเองในการรับมือกับความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับเกมนี้เพื่อเอาชีวิตรอดและนำสเปนเซอร์กลับมาบ้านอย่างปลอดภัยก่อนที่เกมจะโอเวอร์สำหรับพวกเขาทุกคน
โคลัมเบีย พิคเจอร์ส ภูมิใจเสนอ ผลงานสร้างโดยแมทท์ โทลมัค/เซเวน บัคส์/ดีเท็คทีฟ เอเจนซี ภาพยนตร์โดยเจค คัสแดน Jumanji: The Next Level นำแสดงโดยดเวย์น จอห์นสัน, แจ็ค แบล็ค, เควิน ฮาร์ท, คาเรน กิลเลน, นิค โจนาส, อควอฟินา, อเล็กซ์ วูลฟ์, มอร์แกน เทิร์นเนอร์, เซอร์’ ดาริอุส เบลน, เมดิสัน ไอส์แมน ร่วมด้วยแดนนี โกลเวอร์และแดนนี เดอวีโต้ ควบคุมดนตรีโดยมานิช ราวัล, ทอม วูลฟ์ ดนตรีโดยเฮนรี แจ็คแมน ผู้ออกแบบเครื่องแต่งกายคือหลุยส์ มินเกนบัค ลำดับภาพโดยมาร์ค เฮลฟริช, เอซีอี, สตีฟ เอ็ดเวิร์ดส์, ทารา ทิมโพน, เอซีอี ผู้ออกแบบงานสร้างคือบิล เบเซสกี้ ผู้กำกับคือกิวลา พาโดส, เอชเอสซี ผู้ควบคุมงานสร้างได้แก่เดวิด เฮาส์โฮลเตอร์, เมลวิน มาร์, สก็อต โรเซนเบิร์ก, เจฟฟ์ พิงค์เนอร์, วิลเลียม เท็ทเลอร์, เท็ด ฟิลด์, ไมค์ เวเบอร์ สร้างขึ้นจากหนังสือเรื่อง Jumanji โดยคริส แวน ออลส์เบิร์ก เขียนบทโดยเจค คัสแดน & เจฟฟ์ พิงค์เนอร์ & สก็อต โรเซนเบิร์ก อำนวยการสร้างโดยแมทท์ โทลมัค, เจค คัสแดน, ดเวย์น จอห์นสัน, เดนี การ์เซีย, ฮิแรม การ์เซีย กำกับโดยเจค คัสแดน ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้รับเรท PG-13 จากแอ็กชันผจญภัย เนื้อหาที่มีความนัยทางเพศและคำหยาบคาย
การเปลี่ยนเกม
หลังจากความสำเร็จระดับโลกของ Jumanji: Welcome to the Jungle ทีมผู้สร้างก็รู้ว่าพวกเขามีโอกาสในการเล่าเรื่องราวของตัวละครเหล่านี้ต่อไป “ภาคแรกเป็นเรื่องของความหมายของการเข้าใจตัวคุณเอง และการโอบกอดทุกสิ่งที่คุณสามารถทำได้ครับ” ผู้อำนวยการสร้างแมทท์ โทลมัคกล่าว “สิ่งสำคัญเกี่ยวกับชีวิตคือเราเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา เช่นเดียวกับเกม เกมนี้ยกระดับความท้าทายขึ้นและตัวละครก็เปลี่ยนแปลงไปเช่นกัน”
“โอกาสในการได้กลับมาสู่ไอเดียนี้ สู่ตัวละครพวกนี้ ทั้งเด็กๆ ในโลกแห่งความเป็นจริงและอวาทาร์ของพวกเขาในเกม เป็นอะไรที่เย้ายวนเกินห้ามใจสำหรับผม” ผู้กำกับเจค คัสแดนกล่าว “แต่ของขวัญที่ยิ่งใหญ่ของเรื่องราวนี้คือการที่เราสามารถนำทุกคนกลับมาได้ เราได้ทีมงานเดิมกลับมาทำงานร่วมกันอีกครั้ง แต่ก็เปลี่ยนในสิ่งที่ทุกคนกำลังทำด้วย ซึ่งนั่นทำให้มันกลายเป็นหนังเรื่องใหม่อีกครั้งหนึ่ง มันทำให้เราได้ใช้ไอเดียที่ยิ่งใหญ่นี้อีกครั้ง แต่ในแบบที่แตกต่างออกไปจริงๆ ครับ”
วัยรุ่นไฮสคูลกลุ่มนั้นในตอนนี้กลายเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัย ที่พยายามจะสร้างหนทางของตัวเองในโลกใบนี้ พวกเขากลับมาเจอกันอีกครั้งในช่วงวันหยุดปีใหม่และต้องรับมือกับช่วงเวลาใหม่นี้ “ตอนนี้ ความสัมพันธ์ของพวกเขาแน่นแฟ้นกว่าในภาคที่แล้ว ตอนนี้ พวกเขามีความหลังและความสำเร็จร่วมกัน” ผู้อำนวยการสร้างฮิแรม การ์เซียกล่าว “หนังภาคก่อนนำเสนอโลกในจินตนาการที่น่าตื่นเต้น แต่พร้อมไปกับการผจญภัยครั้งนั้น ผู้ชมก็ได้พบเรื่องอบอุ่นหัวใจมากมาย การเล่นกับโลกของการทำความฝันให้เป็นจริง และการที่ท้ายที่สุดแล้ว เราก็มีแค่ชีวิตเดียวและเราควรจะใช้ชีวิตนั้นอย่างเต็มที่ที่สุดเท่าที่เราจะทำได้ เป็นสิ่งที่เป็นจริงในวัฒนธรรมต่างๆ และโชคดีที่ตอนนี้เรามาอยู่ตรงจุดนี้...เพื่อสร้างซีเควลที่เราหวังว่าจะน่าตื่นตาตื่นใจยิ่งขึ้นในทุกๆ ทางนะครับ”
“สำหรับผม มีบางสิ่งที่ทรงพลังจริงๆ เกี่ยวกับไอเดียของการขยายโลกใบนี้ให้ครอบคลุมตัวละครที่อยู่ในจังหวะชีวิตที่แตกต่างออกไปในชีวิตของพวกเขา ผมรักเด็กๆ พวกนี้และผมก็รักการเล่าเรื่องราวของพวกเขา การสานต่อเรื่องราวของพวกเขาในหนังเรื่องนี้” คัสแดนกล่าว “แต่การได้เอ็ดดี้และไมโลเพิ่มเข้ามาก็เหมือนกับการค้นพบห้องใหม่ในบ้านของคุณ มันแป็นเรื่องน่าตื่นเต้นสุดๆ สำหรับผม และแดนนี แดนนีก็ทำให้ฝันนั้นเป็นจริงครับ”
โทลมัค ผู้เป็นแฟนของ Jumanji ต้นฉบับ รวมถึงหนังสือแฟนตาซีสำหรับเด็กของคริส แวน ออลส์เบิร์ก ที่เป็นแรงบันดาลใจของแฟรนไชส์นี้ ได้อธิบายถึงสิ่งที่ขับเคลื่อนพัฒนาการตัวละครและการเล่าเรื่อง ซึ่งเชื่อมโยงกับผู้ชมในแบบที่เป็นส่วนตัวเหลือเกิน “พวกเราหลายคนไม่ตระหนักด้วยซ้ำไปว่าเราสามารถทำอะไรได้บ้าง เกมทำให้คุณได้เห็นเสี้ยวหนึ่งของพลังของคุณที่ควรจะถูกนำออกมาใช้ ประเด็นสำคัญของ Jumanji คือเกมเข้าใจคุณ เกมรู้จุดอ่อนจุดแข็งของคุณ และมันก็ท้าทายให้คุณเป็นเวอร์ชันที่ดีที่สุดของคุณครับ”
ในครั้งนี้ พวกเขารู้ว่าพวกเขาต้องเผยให้เห็นโลกของ Jumanji มากขึ้น เช่นเดียวกับที่พวกตัวละครออกไปสำรวจโลกนอกเกมที่กว้างใหญ่กว่า ภายในเกม เราก็ได้สำรวจสถานที่ใหม่ๆ รวมถึงเนินทรายที่แห้งเล้ง หุบเขาสูงชันและภูเขาที่ปกคลุมไปด้วยหิมะ สถานที่แต่ละแห่งมีความท้าทายที่แตกต่างกันไปที่ตัวละครจะต้องฝ่าฟัน ก่อให้เกิดซีเควนซ์แอ็กชันที่น่าตื่นตาตื่นใจ ที่รับประกันได้เลยว่าจะต้องสร้างความตื่นเต้นให้กับผู้ชมได้อย่างแน่นอน
นักแสดงนำและผู้อำนวยการสร้างของเรื่อง ดเวย์น จอห์นสันเล่าว่า พวกเขารู้ดีว่าความคาดหวังสูงแค่ไหนตั้งแต่เริ่มแรก “สโคปและสเกลของหนังเรื่องนี้อลังการจริงๆ เมื่อเป็นเรื่องของ Jumanji มันบังคับให้ต้องเป็นอย่างนั้น เราเริ่มทำงานนี้โดยรู้ว่ามีความกดดันและเราก็ต้องยกระดับงานของเราขึ้นมา เราต้องเพิ่มเลเวลตัวเอง เราก็เลยนำทีมผู้สสร้างที่เก่งที่สุด และหาหัวหน้าแผนกและทีมงานที่เก่งที่สุด นอกจากนั้น สิ่งที่เจ๋งจริงๆ เกี่ยวกับ Jumanji คือเราไม่มีขีดจำกัดอะไรเลย เพราะมันเป็นวิดีโอเกมนี่ครับ”
ไม่มีใครที่รู้วิธีการทำคะแนนเกมนี้ให้ได้สูงๆ ได้ดีไปกว่าผู้กำกับ มือเขียนบทร่วมและผู้อำนวยการสร้างเจค คัสแดน ผู้ “เป็นหัวใจและจิตวิญญาณของการผจญภัยและแฟรนไชส์ Jumanji” ตามที่โทลมัคกล่าวว่า “เจคเป็นคนที่ท้าทายพวกเราทุกคนให้สร้างหนังที่คู่ควรกับสิ่งที่เราเคยทำได้มาก่อน แต่เรายังต้องไปไกลกว่านั้นอีก ผ่านทางการเล่าเรื่อง ตัวละครใหม่ สัตว์ชนิดใหม่ อวาทาร์ของเราจะต้องหาวิธีที่จะต้องจัดการกับเกมและชีวิตตัวเองครับ”
คัสแดนกล่าวว่า “คุณจะได้เรียนรู้อะไรบ้างเกี่ยวกับตัวเองถ้าคุณสามารถใช้เวลาหนึ่งวันเป็นคนอื่นได้? นั่นเป็นแนวคิดสำคัญของหนังพวกนี้อย่างเห็นได้ชัดครับ แต่มันจะเป็นคำตอบที่แตกต่างออกไปโดยสิ้นเชิงเมื่อคุณใช้มันกับตัวละครใหม่พวกนี้ ที่มองย้อนกลับยังชีวิตที่พวกเขาเคยใช้มา ผมคิดว่านั่นเป็นสิ่งที่โดนใจใครหลายคน เพียงเพราะว่าคุณอายุมากขึ้น ก็ไม่ได้หมายความว่าคุณจะหยุดค้นพบสิ่งต่างๆ เกี่ยวกับตัวเองนะครับ”
ในขณะที่ภาคที่แล้ว ตัวละครของเราทิ้งโลกที่พวกเขารู้จักไว้เบื้องหลังและกลายเป็นคนอื่น เป็นนักผจญภัย หมอ หรือเป็นนักสู้ ในภาพยนตร์เรื่องนี้ พวกเขาจะทำความเข้าใจว่าพวกเขาเป็นใครและเกมนี้เปลี่ยนแปลงพวกเขาไปอย่างไรบ้าง
“หนังเรื่องนี้นำพาสิ่งต่างๆ ไปสู่อีกระดับหนึ่ง ตามอย่างชื่อหนังของเรา ในหลายๆ ทาง เราได้ไประดับถัดไปด้วยซีเควนซ์แอ็กชันของเรา ที่เป็นซีเควนซ์แอ็กชัน เป็นฉากประกอบที่น่าตื่นตาตื่นใจจริงๆ สิ่งที่เราสร้างเรื่องเอาไว้คือมีโลก Jumanji หลายโลก เราก็เลยจะไปยังยอดเขาที่ถูกปกคลุมไปด้วยหิมะ เราได้อยู่ในเนินทรายในทะเลทราย เราได้กลับไปอยู่ในป่าอีกครั้ง เราไปอยู่ที่นั่นที่นี่ทั่วไปหมดในแบบที่ดีที่สุดครับ” นักแสดง/ผู้อำนวยการสร้างดเวย์น จอห์นสันกล่าวอย่างตื่นเต้น “ถ้าคุณโชคดีพอที่ได้แสดงหนังที่ประสบความสำเร็จอย่าง Jumanji ภาคแรก คุณก็ต้องยกระดับมันขึ้นมา คุณต้องเร่งเกมของคุณเอง คุณต้องเพิ่มเลเวลตัวเองขึ้นมา ซึ่งผมก็คิดว่าเราทำได้ ไม่เพียงเท่านั้น เรายังได้แนะนำตัวละครใหม่ๆ ในหนังเรื่องนี้ ซึ่งผมคิดว่าผู้ชมจะต้องสนองกับพวกเขาจริงๆ”
Jumanji เป็นแฟรนไชส์ภาพยนตร์ที่ไม่เหมือนเรื่องอื่นๆ คุณจะได้เห็นดาราดังปรากฏตัวขึ้น และแสดงบทบาทที่ค้านกับบุคลิกตัวเอง ในแบบที่คุณไม่เคยเห็นพวกเขาแสดงมาก่อน ความคาดเดาไม่ได้นั้นทำให้เกิดช่วงเวลาพิเศษสุดที่คุณจะไม่พบจากที่อื่น “สิ่งหนึ่งที่เกิดขึ้นในหนังเรื่องนี้คือตัวละครไม่จำเป็นต้องปรากฏตัวด้วยอวาทาร์แบบเดิมกับในหนังภาคแรก ซึ่งนั่นก็ทำให้เกิดความตลกอยู่แล้ว ฉันเคยชินกับการอยู่ในร่างที่น่าขันนี้แล้ว ซึ่งมันก็กลายเป็นเรื่องธรรมดาไปแล้ว แต่ตอนนี้ ฉันต้องมาอยู่ในร่างนี้เนี่ยนะ ไอเดียของ Jumanji คือมันนำตัวคุณมาอยู่ในเกมในรูปแบบอวาทาร์ เพื่อทำให้คุณได้เห็นบางสิ่งเกี่ยวกับตัวเอง ซึ่งนั่นก็น่าจะเป็นเรื่องที่บันเทิงใจมากๆ ครับ” โทลมัคกล่าวสรุป
ตัวละคร
ผู้ที่กลับมาอีกครั้งคือสี่ตัวละครหลักจากภาคที่แล้ว สเปนเซอร์, เบธานีย์, ฟริดจ์และมาร์ธา ผู้ซึ่งตอนนี้เรียนมหาวิทยาลัยแล้วและได้กลับมารวมตัวกันอีกครั้งในแบรนท์ฟอร์ดในช่วงวันหยุดปีใหม่ ไม่นานนัก เราก็ได้ค้นพบว่าทุกคนรับมือกับช่วงเวลาใหม่ในชีวิตแตกต่างกันไป บางคนก็ไปได้สวย บางคนก็ลำบากกว่าในการปรับตัวให้เข้ากับชีวิตหลังจากเอาชนะเกมมาได้
สเปนเซอร์และมาร์ธาได้ทดลองมีความสัมพันธ์ระยะไกลที่แสนคลาสสิก แต่ตอนนี้พวกเขาอยู่ในสถานะที่น่าอึดอัด เพราะมาร์ธากำลังยอมรับความมั่นใจในตัวเองที่เธอได้ค้นพบมาในภาคที่แล้ว ซึ่งมันทำให้สเปนเซอร์ผลักเธอออกไปห่างๆ และหลีกเลี่ยงเธอ ก่อให้เกิดความห่างเหินระหว่างทั้งคู่
สเปนเซอร์เจอกับช่วงเวลายากลำบากในนิวยอร์ก ซิตี้ สถานการณ์เป็นไปอย่างไม่ราบรื่นนักสำหรับเขาที่โรงเรียน เขาไม่ได้มีความสุข และเขาก็ไม่มั่นใจสถานะความสัมพันธ์ระหว่างเขากับมาร์ธาด้วย สเปนเซอร์กลับบ้านและได้พบว่า ตอนนี้ปู่ของเขาอาศัยอยู่กับแม่ของเขาในบ้านของพวกเขาระหว่างที่เขาพักฟื้นจากการผ่าตัดสะโพก จริงๆ แล้ว คุณปู่เอ็ดดี้ (แดนนี เดอวีโต้) ได้ย้ายเข้าไปอยู่ในห้องเก่าของเขา ทำให้พวกเขากลายเป็นรูมเมทที่ใกล้ชิดกันมากๆ
เบธานีย์ได้พัฒนาตัวเองจากการเป็นเด็กสาวป็อปปูลาร์ ผู้สนใจแต่เรื่องของตัวเอง เธอได้ดึงเอาความไม่เห็นแก่ตัวของตัวเองออกมา และเธอก็เดินทางไปทั่วโลก เพื่อช่วยเหลือผู้คน และพบความสุขใจจากการได้ช่วยเหลือคนอื่น เธอได้สัมผัสกับโลกจากมุมมองใหม่และมันก็หล่อหลอมแนวทางที่เธอมองชีวิตในปัจจุบันนี้ด้วย
ฟริดจ์ได้เปลี่ยนจากการเป็นขาใหญ่สมัยไฮสคูลกลายเป็นขาใหญ่ในสนามฟุตบอลของมหาวิทยาลัย การทำตัวให้เคยชินกับสถานที่ใหม่ ทีมใหม่และโลกใหม่ เป็นความท้าทายอย่างแน่นอน แต่การปรับตัวให้เข้ากับโลกใบใหม่ก็เป็นสิ่งที่ฟริดจ์เคยเผชิญมาก่อนอยู่แล้วนี่นา
พวกหน้าใหม่
เอ็ดดี้และไมโล
คู่หูแดนนีกระโจนเข้าร่วมวง แดนนี เดอวีโต้ นักแสดงตลกในตำนาน รับบท เอ็ดดี้ คุณปู่ของสเปนเซอร์ ผู้อยู่ในร่างอวาทาร์ของเบรฟสโตน ในขณะที่แดนนี โกลเวอร์ รับบท ไมโล อดีตหุ้นส่วนทางธุรกิจและเพื่อนผู้ห่างเหินของเอ็ดดี้ ผู้มาอยู่ในร่างอวาทาร์ของเมาส์ ฟินบาร์
เอ็ดดี้และไมโลถูกบีบให้ต้องคลี่คลายปัญหาของพวกเขาในโลกของ Jumanji หลังจากที่พวกเขาถูกดูดเข้าไปอยู่ในเกมโดยไม่คาดฝัน แดนนีทั้งสองต่างก็ปล่อยมุขเด็จออกมาในขณะที่พวกเขาจิกกัดกันและพยายามจะฟื้นฟูความสัมพันธ์ของพวกเขา พร้อมไปกับการรับมือกับการผจญภัยของ Jumanji ในร่างอวาทาร์ที่มีความสามารถมากกว่าของพวกเขา “เราได้แดนนีสองคน ทั้งแดนนี เดอวีโต้และแดนนี โกลเวอร์ ซึ่งเป็นตำนานทั้งคู่ รวมถึงดเวย์นและเควินที่รับบทเป็นอวาทาร์ของพวกเขา มาแสดงท่าทีของชายชราสองคนนี้ มันเต็มไปด้วยเรื่องตลกและอารมณ์ขันมากมายครับ” แจ็ค แบล็คตั้งข้อสังเกต
“นั่นอาจเป็นหนึ่งในสิ่งที่ฉันชื่นชอบที่สุดเกี่ยวกับหนังเรื่องนี้ ซึ่งก็คือการที่ดเวย์นเลียนแบบเสียงและสำเนียงของแดนนี เดอวีโตแบบเต็มตัวน่ะค่ะ” คาเรน กิลเลนกล่าว “เช่นเดียวกับการที่เควินรับบทไมโล ในภาคที่แล้ว เขามีบุคลิกที่โดดเด่นมากๆ และในหนังเรื่องนี้ มันก็แตกต่างออกไปโดยสิ้นเชิง เขามีวิธีการพูดที่เนิบนาบแบบคนแก่ เสียงเขาทุ้มกว่า แหบกระด้างกว่า มันเจ๋งจริงๆ ที่ได้เห็นทุกคนยืดเส้นยืดสายความเป็นนักแสดงของตัวเองในแอ็กชันคอเมดีเรื่องนี้น่ะค่ะ”
“เอ็ดดี้เป็นปู่ของสเปนเซอร์และเขาก็อายุมากแล้ว ร่างกายของเขาเริ่มทรยศเขาในแบบที่ทำให้เขาหงุดหงิดอยู่ตลอดเวลา และผมคิดว่าพวกเราหลายคนต่างก็มีใครในชีวิตี่เป็นแบบนั้น มีคนในชีวิตผมที่เป็นแบบนั้น คนแข็งแรงที่ไม่เชื่อในความจริงที่ว่า ร่างกายของเขาไม่ทำตามในสิ่งที่เขาคิดว่ามันควรจะทำ การนำคนแบบนั้นไปคู่กับพละกำลังของตัวละครที่เดอวีโต้ใส่เข้าไปในร่างของชายที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก ผู้จู่ๆ ก็พบว่าตัวเองสามารถทำสิ่งต่างๆ ทั้งหมดเหล่านี้ได้ ดูเหมือนจะเป็นไอเดียที่มีเสน่ห์น่าสนใจครับ” มือเขียนบทร่วมและผู้กำกับเจค คัสแดนกล่าวอย่างตื่นเต้น “การได้ดเวย์น จอห์นสันมารับบทคนแก่แบบนี้ดูเหมือนจะเป็นสิ่งที่คุณไม่เคยเห็นเขาทำมาก่อน สำหรับคนที่มองโลกในแง่ดีที่สุดในโลกมารับบทเป็นคนขี้โมโหคนนี้ให้ความรู้สึกเหมือนโอกาสในการสร้างเรื่องตลกที่จะมีเสน่ห์ดึงดูดใจ โชคดีที่เขาก็เห็นด้วยครับ!”
หมิง
อวาทาร์ตัวใหม่สุดคือหมิงผู้ลึกลับ ที่รับบทโดยอควอฟินา ในขณะที่จุดอ่อนของเธอคือเกสรดอกไม้ แต่จุดแข็งของเธอไม่ใช่เรื่องเล่นๆ เลย เพราะมันมีทั้งการย่องเบา การล้วงกระเป๋าและการงัดเซฟ ซึ่งอาจจะเป็นประโยชน์ในความท้าทายต่างๆ ที่เธอจะเผชิญเมื่อโลกของ Jumanji กว้างใหญ่ขึ้นและอันตรายกว่าแต่ก่อน
“อควอฟินาเป็นนักแสดงที่ทรงพลัง เธอเป็นศิลปินแร็ป นักแสดงตลก นักแสดง...เธอมีความสามารถหลายอย่าง ผมก็เลยตื่นเต้นมากๆ ตอนที่ผมรู้ว่าเราคว้าตัวเธอมาเล่นหนังเรื่องนี้ได้ ผมรู้ว่าเธอจะนำมันไปอีกระดับ และเธอก็ทำอย่างนั้นจริงๆ” แจ็ค แบล็คกล่าวอย่างตื่นเต้น “เธอเข้ากับโปรเจ็กต์นี้อย่างพอดิบพอดี เธอมีทั้งความแสบ สไตล์และความมีชีวิตชีวา เธอมีเวทมนตร์ครับ! เราทุกคนต่างก็เข้ากันได้ด้วยดีตั้งแต่เริ่มแรกและการได้เข้าฉากกับเธอก็เป็นเรื่องพิเศษสุดครับ”
“ฉันคิดว่าข้อคิดของ Jumanji และความสนุกของมันเป็นที่ชื่นชอบของคนทุกวัย ตอนที่เราดูหนังซูเปอร์ฮีโร เราได้เห็นคนที่มีข้อบกพร่อง แต่ก็มีพลังร้ายกาจบางอย่าง ในขณะที่ใน Jumanji พวกเขาเป็นคนธรรมดาที่กลายเป็นฮีโรในเกมและฉันคิดว่ามันกระทบใจทุกคน ไม่ว่าจะอยู่ในวัฒนธรรมไหนก็ตาม ความกล้าหาญ การเผชิญหน้าและทำความเข้าใจกับข้อบกพร่องของตัวเอง มันเป็นคอนเซ็ปต์ที่เป็นสากล ไม่ว่าจะสำหรับคนวัยไหนก็ตาม ฉันคิดว่าคุณจะรู้สึกอะไรบางอย่างในตอนที่คุณได้เห็นตัวละครพวกนี้ค่ะ” อควอฟินากล่าว
เจอร์เกนจอมโหด
ผู้ร้ายใหม่ในเกมรอบนี้คือเจอร์เกนจอมโหด (รอรี่ แม็คคานน์) ผู้ปกครองโฉด ผู้ลงมาจากป้อมปราการบนภูเขาเพื่อปล้นสะดมภ์เขตเอเวียน ซ้ำร้าย เขายังได้ขโมยอัญมณีฟัลคอนในตำนาน ซึ่งเป็นสิ่งที่ก่อให้เกิดความอุมสมบูรณ์ภายใน Jumanji และซ่อนมันไว้ในความมืดมิด ห่างไกลจากแสงอาทิตย์ ส่งผลให้ดินแดนนี้ประสบกับภัยแล้งและความเวิ้งว้าง
ผู้ชมทั่วโลกได้รู้จักกับรอรี่ แม็คคานน์ นักแสดงหนุ่มชาวกลาสโกว์จากบท “หมาล่าเนื้อ” ใน Game of Thrones ผู้อำนวยการสร้างแมทท์ โทลมัคกล่าวว่า “เจอร์เกน ผู้ร้ายของเราเป็นชายร่างใหญ่น่าสะพรึงกลัว ผู้อาศัยอยู่ในปราสาทป้อมปราการ ที่ตั้งอยู่บนภูเขาสูง และยากจะเข้าถึง เราต้องการคนที่แข็งแกร่งและน่ายำเกรงมารับบทนี้ และรอรี่ก็มีคุณสมบัติทุกอย่างตามที่เราต้องการ”
แม็คคานน์กล่าวว่า “เจอร์เกนเป็นอุปสรรคที่พวกเขาจะต้องฝ่าฟันไปให้ได้เพื่อจบเกม เขาเป็นวายร้ายที่ร้ายกาจที่สุด เขาทั้งตัวใหญ่ โฉดชั่ว ผมคงจะไม่พูดว่ามีอะไรดีๆ ในตัวเขาหรอกครับ เห็นได้ชัดว่าเขาไม่เคยถูกโอ๋เอาใจในตอนเป็นเด็กเล็กๆ น่ะครับ”