'สสส.- มูลนิธิเพื่อนหญิง'ปลุกผู้ชายแถวหน้าไม่ทำร้ายผู้หญิง เผยผู้หญิงแจ้งความถูกทำร้ายร่างกายปีละ 3 หมื่นคน แฉ 5 พฤติกรรมสุดยี้ของผู้ชาย

เมื่อวันที่ 29 ต.ค.ที่สวนลุมพินี นางภรณี ภู่ประเสริฐ ผอ.สำนักสนับสนุนสุขภาวะประชากรกลุ่มเฉพาะ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และ Mr.Jerome Pons ผู้แทนสหภาพยุโรปประจำประเทศไทย (EU) ร่วมเปิดกิจกรรม "โครงการ #MenForChange #เราไม่ทำร้ายผู้หญิง ร่วมสร้างสังคมที่ปลอดภัยสำหรับผู้หญิง” เนื่องในวันยุติความรุนแรงต่อผู้หญิงสากล ซึ่งตรงกับวันที่ 25 พ.ย.ของทุกปี
นางภรณี กล่าวว่า ผลการสำรวจความชุกของปัญหาความรุนแรงต่อผู้หญิง โดยองค์การอนามัยโลกใน 10 ประเทศ รวมทั้งประเทศไทย พบว่า ผู้หญิงอายุน้อย โดยเฉพาะที่อายุระหว่าง 15-19 ปี มีความเสี่ยงที่จะถูกกระทำรุนแรงทางร่างกายและ/หรือทางเพศ โดยคู่รักหรือแฟนมากที่สุด เมื่อเทียบกับผู้หญิงในช่วงอายุอื่น โดยความรุนแรงในชีวิตคู่ในลักษณะดังกล่าว พบมากในคู่รักหรือแฟนที่อยู่ร่วมกันโดยไม่ได้แต่งงาน สะท้อนให้เห็นว่า ผู้ชายอายุน้อยมีแนวโน้มจะใช้ความรุนแรงมากกว่าผู้ชายที่มีอายุมากกว่า
ทั้งนี้ ข้อมูลข่าวในสื่อทุกแขนง พบว่า ผู้หญิงถูกละเมิดทางเพศ ถูกกระทำความรุนแรงทางร่างกาย จิตใจ วันละไม่น้อยกว่า 7 คน และมีตัวเลขของผู้หญิงที่เข้ารับการบำบัดรักษา และแจ้งความร้องทุกข์ สูงถึงปีละ 30,000 คน ซึ่งความรุนแรงต่อผู้หญิงมีปัจจัยร่วมจากเหล้า เครื่องดื่มมึนเมา สารเสพติด สื่อลามก พื้นฐานจากครอบครัว และสิ่งแวดล้อมในสังคม

“ในการแก้ปัญหา สสส.ทำงานร่วมกับภาคีเครือข่าย เพื่อสร้างระบบในการคุ้มครองสวัสดิภาพของบุคคลในครอบครัว รวมถึงสนับสนุนกระบวนการสื่อสารสาธารณะร่วมกันหน่วยงานรัฐ เอกชน และภาคประชาสังคมเพื่อปรับทัศนคติของสังคมต่อการ ไม่เพิกเฉย”ต่อความรุนแรง หรือมองว่าความรุนแรง เป็นเรื่องของคนอื่น ดังนั้นการแก้ไขปัญหาความรุนแรงต่อผู้หญิง จึงไม่ใช่การที่ผู้หญิงต้องปกป้องตนเองได้เท่านั้น แต่ต้องสร้างความเข้าใจและปรับฐานคิดให้ผู้ชายเรียนรู้ในการเคารพ ให้เกียรติ และสามารถใช้ชีวิตร่วมกับผู้หญิง ” นางภรณี กล่าว
ด้าน น.ส.ธนวดี ท่าจีน ผอ.มูลนิธิเพื่อนหญิง กล่าวว่า จากข้อมูลการสำรวจศึกษาพฤติกรรมของผู้ชายที่ใช้ความรุนแรงต่อผู้หญิง จำนวน 1,564 คน และจากการให้คำปรึกษาทางโทรศัพท์ผู้หญิงอีก จำนวน 513 คน ประจำปี 2560-2561 พบว่า พฤติกรรมของกลุ่มผู้ชายที่คิดว่า ตัวเองเป็นใหญ่เป็นเจ้าของ มีอำนาจเหนือกว่า และใช้ความรุนแรง ด่าทอ ทุบตี ทำร้าย แย่งลูก คุกคามละเมิดทางเพศ ทำให้ทุกข์ทรมาน เจ็บปวดทางจิตใจ บั่นทอนศักยภาพ เพื่อควบคุมผู้หญิง ส่งผลต่อสุขภาพจิต การเจ็บป่วย การเสียชีวิต และการฆ่าตัวตายของผู้หญิง

สำหรับ พฤติกรรมที่พบมากเป็นอันดับ 1 ถึงร้อยละ 85 ชอบด่าทอ เหยียดเพศ ทุบตีทำร้าย อันดับ 2 ร้อยละ 75 มีพฤติกรรมชอบดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เสพติดสารเสพติด สูบบุหรี่ อันดับ 3 ร้อยละ 32 ไม่ยอมเลิกรา ผู้หญิงอยากหย่า ตามราวีคุกคามข่มขู่ อันดับ 4 ร้อยละ 28 ผู้หญิงร้องทุกข์ พฤติกรรมของผู้ชายในที่ทำงาน มีพฤติกรรม ชอบแอบส่องภาพผู้หญิงแต่งตัวหวิว อันดับ 5 ร้อยละ 21 ของผู้หญิงเจอหัวหน้างาน เพื่อนร่วมงาน เป็นพวก หมาหยอกไก่ และมักหาโอกาส ลวนลามทั้งในที่ลับและที่สาธารณะ
อย่างไรก็ตาม ภายในงานมีกิจกรรม Men Walk - #MenForChange #เราไม่ทำร้ายผู้หญิง ร่วมสร้างสังคมปลอดภัยสำหรับผู้หญิง” นำขบวนโดย แคทรียา อิงลิช, เฟิร์น-นพจิรา, หนิง-ปณิตา, ฟิล์ม-ธนภัทร และจัดเสวนา#MenTalk เสวนากับผู้ชายแถวหน้า “#เราไม่ทำร้ายผู้หญิง” โดยกลุ่มผู้ชายที่มีบทบาทในสังคมทุกแวดวงวิชาชีพ อาทิ ศ.นพ.ประกิต วาทีสาธกกิจ ประธานมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ รศ.ดร.เจษฎ์ โทณะวณิก คณะนิติศาสตร์ ม.สยาม ท๊อป-จรณ โสรัตน์ ศิลปิน/นักแสดง ร่วมถ่ายทอดเรื่องราว