MONEY

โดย กองบรรณาธิการ M2F

06 สิงหาคม 2563 : 17:31 น.

.

เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกหรือ EEC คลอบคลุมพื้นที่ 3 จังหวัด คือ ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง เป็นพื้นที่เศรษฐกิจสำคัญเพื่อยกระดับการพัฒนาประเทศไปสู่ยุคไทยแลนด์ 4.0 ส่งเสริมอุตสาหกรรมเป้าหมายเพื่อเป็นการยกระดับอุตสาหกรรม เป็นศูนย์กลางการคมนาคมขนส่งโลจิสติกส์ และเน้นการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานที่ทันสมัย ส่งเสริมการลงทุนและการท่องเที่ยว เพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขันและทำให้เศรษฐกิจของไทยเติบโตได้ในระยะยาวและเป็นเขตเศรษฐกิจชั้นนำของอาเซียนเชื่อม โยงการพัฒนาภายในประเทศ และประเทศเพื่อนบ้าน

สำหรับการดำเนินงานจัดทำแผนผังเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ของกรมโยธาธิการและผังเมืองนั้น พ.ร.บ. เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก พ.ศ. 2561 กำหนดให้สำนักงานคณะกรรมการเขตพัฒนาพิเศษ ภาคตะวันออก (สกพอ.) ร่วมกับกรมโยธาธิการและผังเมือง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการจัดทำแผนผัง EEC ให้แล้วเสร็จภายใน 1 ปี และให้เป็นไปตามหลักวิชาการผังเมือง โดยการจัดทำแผนผัง EEC ได้มีการศึกษาวิเคราะห์ นโยบายการพัฒนาพื้นที่ของ EEC ทบทวนผังเมืองรวมเดิมในพื้นที่ 3 จังหวัด  เพื่อใช้เป็นกรอบในการจัดทำแผนผัง และมาตรการต่างๆ พร้อมทั้งวิเคราะห์ความเหมาะสมทางด้านกายภาพของพื้นที่ แนวโน้มการพัฒนาของประชากร เศรษฐกิจ และได้นำ (ร่าง) แผนผัง EEC ไปประชุมรับฟังความคิดเห็นประชาชน และภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ในพื้นที่ 3 จังหวัด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในส่วนกลาง โดยประชุมอย่างเป็นทางการรวม 25 ครั้ง เพื่อนำมาปรับปรุง (ร่าง) แผนผัง EEC ให้มีความสมบูรณ์

แผนผัง EEC มีเป้าหมายในการรองรับการพัฒนาพื้นที่ในอีก 20 ปีข้างหน้า พ.ศ.2580 ครอบคลุมพื้นที่ 8.29 ล้านไร่ และรองรับจำนวนประชากรกว่า 6 ล้านคน ซึ่งประกอบด้วย แผนผังการใช้ประโยชน์ในที่ดิน และแผนผังการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและระบบสาธารณูปโภค ครอบคลุม 8 ระบบ โดยแผนผังการใช้ประโยชน์ในที่ดินกำหนดการใช้ประโยชน์ที่ดิน ออกเป็น 4 กลุ่มหลัก 11 ประเภท

แผนผังการใช้ประโยชน์ในที่ดินกำหนดการใช้ประโยชน์ที่ดิน เป็น 4 กลุ่มหลัก 11 ประเภท ดังนี้

-กลุ่มพื้นที่พัฒนาเมืองและชุมชน มีพื้นที่จากเดิม 817,971 ไร่ เพิ่มขึ้นเป็น 1,096,979 ไร่ (เพิ่มขึ้น 3.36%)

-กลุ่มพื้นที่พัฒนาอุตสาหกรรม มีพื้นที่จากเดิม 259,769 ไร่ เพิ่มขึ้นเป็น 424,853 ไร่ (เพิ่มขึ้น 1.99%)

-กลุ่มพื้นที่พัฒนาเกษตรกรรม พื้นที่เดิม 5,524,574 ไร่ ลดลงเหลือ 4,850,831 ไร่ (ลดลง 8.13%) เนื่องจากได้กำหนดไว้เป็นพื้นที่รองรับการพัฒนาเมือง อุตสาหกรรม และส่วนหนึ่งถูกกำหนดเป็นพื้นที่โล่ง เพื่อการรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม ที่ได้กำหนดไว้บริเวณรอบอ่างเก็บน้ำ ริมแม่น้ำ และคลองที่สำคัญ ซึ่งสามารถทำเกษตรกรรมได้

-กลุ่มพื้นที่อนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมพื้นที่เดิม 1,435,526 ไร่ เพิ่มขึ้นเป็น 1,678,753 ไร่ (เพิ่มขึ้น 2.93%)

ปัจจุบัน แผนผัง EEC ได้มีผลใช้บังคับแล้ว โดยประกาศเป็น “ประกาศคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก เรื่อง แผนผังการใช้ประโยชน์ในที่ดิน และแผนผังการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน   และระบบสาธารณูปโภค เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก พ.ศ. 2562” โดยประกาศราชกิจจานุเบกษา        เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2562 และมีผลใช้บังคับเมื่อวันที่ 10 ธันวาคม 2562 ภายหลังจากแผนผัง EEC ประกาศแล้ว จะยกเลิกผังเมืองรวมที่บังคับใช้พื้นที่ทั้ง 3 จังหวัด

สำหรับการดำเนินงานระยะต่อไป

การดำเนินงานระยะต่อไป กรมโยธาธิการและผังเมืองได้จัดทำผังเมืองรวมขึ้นใหม่ในพื้นที่ 3 จังหวัด ให้สอดคล้องกับแผนผัง EEC (มาตรา 32 แห่ง พ.ร.บ.EEC) จำนวน 30 อำเภอ (ครอบคลุมพื้นที่ทั้งอำเภอ) โดยขั้นตอนดำเนินการจะเป็นไปตาม พ.ร.บ. การผังเมือง ฉบับใหม่ พ.ศ. 2562 ซึ่งปัจจุบันกรมโยธาธิการและผังเมืองกำลังดำเนินการ

วัตถุประสงค์ในการพัฒนาพื้นที่ EEC

1.ส่งเสริมการพัฒนากิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ทันสมัยและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม สะสมฐานเทคโนโลยี

2.เพิ่มศักยภาพโครงสร้างพื้นฐานและระบบสาธารณูปโภคให้เชื่อมโยงอย่างเป็นระบบสมบูรณ์ ประชาชนสามารถเข้าถึงได้สะดวก

3.พัฒนาเมืองให้น่าอยู่และมีความทันสมัยระดับนานาชาติที่เหมาะสมต่อการอยู่อาศัย ยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน

4.เสริมสร้างบทบาทของประเทศไทยในฐานะประตูของภูมิภาคเอเชียในบริบทโลก

ประโยชน์จากการมีแผนผัง EEC

1.จัดระเบียบการใช้ประโยชน์ที่ดินให้เหมาะสมตามศักยภาพของพื้นที่

2.รักษาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

3.ประชาชนเข้าถึงการบริการสาธารณูปโภค - สาธารณูปการได้อย่างสะดวก

4. ประชาชนอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ดี มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

5. หน่วยงานภาครัฐ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ตลอดจนภาคเอกชน สามารถวางแผนการพัฒนาและการลงทุนได้ชัดเจน ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่

ข่าวเด่น

The 1 Insight เผยกลยุทธ์มัดใจ Silver Spenders วัยเก๋าพร้อมเปย์ ชี้ทางรอดแบรนด์ยุค Complete Aged Society พร้อมเทรนด์เด่น Self-Indulgence & Health Enthusiast

The 1 Insight เผยกลยุทธ์มัดใจ Silver Spenders วัยเก๋าพร้อมเปย์ ชี้ทางรอดแบรนด์ยุค Complete Aged Society พร้อมเทรนด์เด่น Self-Indulgence & Health Enthusiast

LH Bank สนับสนุนสินเชื่อจำนวน 1,950 ล้านบาท ให้แก่กลุ่มบริษัท ที ที เอส พลาสติก

นายฉี ชิง-ฟู่ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ ธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) (LH Bank) (ที่ 3 จากขวา) ร่วมลงนามให้การสนับสนุนสินเชื่อจำนวน 1,950 ล้านบาท แก่กลุ่มบริษัท ที ที เอส พลาสติก

ข่าวที่น่าสนใจ