THAI NEWS

โดย กองบรรณาธิการ M2F

07 กุมภาพันธ์ 2562 : 15:59 น.

6 องค์กรลงนามความร่วมมือ “พัฒนางานประจำสู่งานวิจัยระดับประเทศ” ชี้ช่วยพัฒนาคน-งาน ลดค่าใช้จ่ายการรักษาพยาบาล

เมื่อวันที่ 7 ก.พ. ที่กระทรวงสาธารณสุข นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รมว.สาธารณสุข เป็นประธานในพิธีลงนามความร่วมมือในการดำเนินการสนับสนุนการพัฒนางานประจำสู่งานวิจัย (Routine to Research : R2R) ระดับประเทศ ระหว่างกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) โดย นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดสธ., คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ม.มหิดล โดย นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา คณบดีคณะแพทย์ศาสตร์ ม.มหิดล, สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) โดย ดร.สุปรีดา อดุลยานนท์ ผู้จัดการกองทุน สสส., สถาบันรับรองคุณภาพสถานพยาบาล (องค์การมหาชน)โดย นพ.กิตตินันท์ อนรรฆมณี ผู้อำนวยการสรพ., สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) โดย นพ.ศักดิ์ชัย กาญจนวัฒนา เลขาธิการสปสช. และ สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุขโดย นพ.นพพร ชื่นกลิ่น ผู้อำนวยการสวรส.

นพ.ปิยะสกล กล่าวว่า สธ.สนับสนุนให้บุคลากรทุกระดับได้พัฒนางานประจำสู่งานวิจัย นำปัญหาที่พบขณะปฏิบัติงานจริงมาศึกษาวิจัยและนำผลวิจัยปรับปรุงกระบวนการทำงานให้ดียิ่นขึ้น ตอบสนองความต้องการของผู้รับบริการโดยสร้างองค์ความรู้ใหม่ ๆ ที่สอดคล้องกับบริบทแต่ละแห่งได้ด้วยตนเอง ผลที่ได้นอกจากการพัฒนาคุณภาพหลักฐานเชิงประจักษ์จากงานวิจัย ที่น่าเชื่อถือแล้วยังส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาตนเอง พัฒนาองค์กร ส่งผลให้ผู้ป่วยได้รับการบริการที่ดีขึ้น ปลอดภัยมากขึ้น และค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลลดลง รวมถึงความพึงพอใจของผู้ป่วยและญาติสูงขึ้น

นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัด สธ. กล่าวว่า ผลจากงาน R2R นอกจากจะทำให้ประสิทธิภาพการทำงานดีขึ้น ยังส่งผลย้อนกลับมาทำให้ผู้ปฏิบัติงานมีความสุขจากการเรียนรู้ และพัฒนางานที่ตนเองทำด้วยความสุขด้วย เช่น รพ.ปทุมธานีที่พบมารดาตกเลือดหลังคลอดใน รพ.ชุมชน(ปี 2558) เกิดภาวะช็อค 16 ราย และเสียชีวิตปีละ 1 ราย จึงได้ลงมือพัฒนาระบบการดูแลผู้คลอดและทำวิจัย R2R กว่า 10 เรื่อง ในเวลา 4 ปี จนได้แนวปฏิบัติในการดูแลผู้คลอดที่เหมาะสม เช่น มีการใช้ถุงตวงเลือดเพื่อประเมินการเสียเลือดที่แม่นยำ มีแนวทางการรักษาภาวะตกเลือดหลังคลอดก่อนภาวะช็อค มีระบบการให้คำปรึกษาจาก รพ.ปทุมธานี มีการสำรองเลือด ยาที่จำเป็นไว้ใช้ใน รพ.ชุมชนทุกแห่ง มีการฝึกอบรมทีมบุคลากรและเตรียมความพร้อมของอุปกรณ์ช่วยชีวิต ทำให้ปัจจุบันไม่พบการตกเลือดหลังคลอดจนเกิดภาวะช็อคและเสียชีวิตทั้งจ.ปทุมธานี

ดร.สุปรีดา อดุลยานนท์ ผู้จัดการกองทุน สสส. กล่าวว่า สสส.สนับสนุนการขับเคลื่อน งาน R2R ทั่วประเทศ เพราะเห็นประโยชน์จากการพัฒนางาน R2R ซึ่งส่งผลต่อการขับเคลื่อนการพัฒนาระบบสุขภาพในทุกบริบท ตั้งแต่ระดับปฐมภูมิ จนถึง ตติยภูมิ ทั้งด้านการบริการ การรักษาพยาบาล การบริหารจัดการ รวมทั้งการสร้างเสริมสุขภาพ

ทั้งนี้ สสส.เข้าไปมีส่วนร่วมตั้งแต่ปี 2556 พบว่า งาน R2R เพิ่มขึ้นจากกว่า 200 เรื่องในปี 2556 เป็น 941 เรื่อง ในปี 2561 และได้ขยายผลงาน R2R ด้านสร้างเสริมสุขภาพและด้านพัฒนาคุณภาพในประเด็นตามปัจจัยเสี่ยงหลักเชิงพื้นที่ และเชิงประเด็นที่ทำงานในเรื่อง เหล้า บุหรี่ อาหาร การออกกำลังกาย อุบัติเหตุ และโรคเรื้อรัง (Non Communicable Diseases) ที่มีผลต่อประชาชน 10 ประเด็นต่อปี ซึ่งมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน

อย่างไรก็ตาม สสส. สนับสนุนให้ภาคี เครือข่ายของสสส. หรือ นักสร้างเสริมสุขภาพ ที่ทำงานด้านการสร้างเสริมสุขภาพ ทั้งผู้ที่อยู่ในระบบบริการสุขภาพ คือ บุคลากรทางการแพทย์ สหสาขาวิชาชีพ และผู้ที่อยู่นอกระบบบริการสุขภาพ เช่น เครือข่ายภาคประชาชน และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พัฒนางาน R2R ในประเด็นปัจจัยเสี่ยง คือ ยาสูบ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ อุบัติเหตุ การป้องกันโรคไม่ติดต่อ โดยนำแนวคิด R2R ไปปรับใช้ในการทำงานของแต่ละภาคีเครือข่ายอย่างเป็นรูปธรรม

ด้าน นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล กล่าวว่า ผลของการขับเคลื่อน R2R ในคณะฯ ทำให้บุคลากรศิริราชเกิดการพัฒนาอย่างมาก ยกระดับผู้ปฏิบัติงานประจำให้เป็นผู้ที่สามารถสร้างและใช้ความรู้ที่เหมาะสมได้ด้วยตนเอง โดยผ่านการสร้างงานวิจัยทำให้เกิดการดำเนินการปรับปรุงและพัฒนางานประจำที่ทำอยู่ ให้มีคุณภาพทั้งด้านการรักษาและการบริการดีขึ้นจนประสบความสำเร็จ ส่งผลให้ผู้ป่วยได้รับการบริการที่ดีขึ้น ปลอดภัยมากขึ้น และค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลลดลง รวมถึงความพึงพอใจของผู้ป่วยและญาติสูงขึ้น ผลจากงานได้ย้อนกลับมาทำให้ผู้ปฏิบัติงานมีความสุขจากการเรียนรู้และพัฒนางานที่ตนเองทำด้วยความสุข

ข่าวเด่น

ข่าวทั่วไทย

ข่าวที่น่าสนใจ