THAI NEWS

โดย กองบรรณาธิการ M2F

10 กุมภาพันธ์ 2562 : 16:18 น.

.

โดย อาจารย์ชวินทร์ chavintapoti@gmail.com

เสือหน้าแมว หูหนู ตาลูกเต๋า ยันต์กอหญ้า คือ เอกลักษณ์สำคัญของเสือหลวงพ่อปาน วัดบางเหี้ย เป็นชื่อที่เรียกกันมาตั้งแต่โบราณ มีชื่อเป็นทางการในปัจจุบันว่า วัดมงคลโคธาวาส ตั้งอยู่ที่ ต.คลองด่าน จ.สมุทรปราการ เสือของหลวงพ่อปานนับว่าเป็นเครื่องรางยอดนิยม แกะจากเขี้ยวเสือโคร่ง ลงเหล็กจารด้วยตัวหลวงพ่อเองและใช้คาถาหัวใจเสือโคร่งปลุกเสก ลักษณะแกะเป็นเสือนั่งชันเข่ามีทั้ง หุบปาก และอ้าปาก

ตำนานเล่าขานว่า ท่านใช้ช่างแกะอยู่ 5 คน คือ ช่างฟัก ช่างชม ช่างนิล ช่างมาก และช่างมา จึงมีรูปร่างไม่เหมือนกัน เสือเขี้ยวแกะ มักมีขนาดไม่ใหญ่มาก มีตากลม ขาหน้าทั้งสองใหญ่ และมีทั้งแบบ 3 เล็บ และ 4 เล็บ จิกลงบนพื้น เสือเขี้ยว ตาลูกเต๋า ยันต์กอหญ้า หน้าเหมือนแมว หูเหมือนหนู คือ เอกลักษณ์มีทั้งแบบเขี้ยวซีกและเต็มเขี้ยว

ในยุคแรกเป็นเสือเขี้ยวซีกทั้งสิ้น และมีเสือตัวเล็ก ที่แกะจากปลายเขี้ยวเรียกว่า เสือสาลิกา ซึ่งในสมัยนั้นนิยมเลี้ยงไว้ในตลับสีผึ้งทาปาก เสือเขี้ยวมีทั้งหางตั้งขึ้นและหางลง ที่ขาหน้าท่านจะจารตัวอุ ที่ดูคล้ายสายฟ้า และเลข ๗ มากที่สุด หางลากยาวหรือบางทีก็เป็นเลข ๓ ตรงสีข้าง ส่วนใต้ฐานท่านจะจารยันต์กอหญ้าหรือสูญญัง จารเป็นวงรี และใช้คาถากำกับขณะจารว่า นิพพานนัง ปะระมัง สูญญัง

ถ้าเสือตัวใหญ่ท่านจะลงยันต์กอหญ้า 2 ตัวตรงข้ามกัน และลงตัว ฤ ฤๅ พร้อมกับตัวอุณาโลม บางตัวมีรอยขีด 2 เส้นขนานกัน ดูให้ดีจะเห็นเป็นเส้นลึกและคมชัด การพิจารณาเขี้ยวเสือที่สำคัญต้องดูความแห้งเป็นธรรมชาติ เขี้ยวเสือต้องมีวรรณะเหลืองใสมองแล้วเป็นธรรมชาติ ของปลอม มักจะเอาเขี้ยวหมี เขี้ยวหมูป่า มาเคี่ยวด้วยน้ำมันงา เมื่อส่องดูจะเห็นเป็นเสี้ยนเล็กๆ และคราบฝุ่นจับแน่นในร่องจาร และอาจมีรอยแตกอันเป็นธรรมชาติของเขี้ยว เมื่อผ่านการใช้งานสีของเขี้ยวจะยิ่งเข้มขึ้น

ด้านพุทธคุณครบเครื่อง ไม่ว่าจะเป็นทางเมตตา แคล้วคลาด คงกระพันชาตรี และที่สุดยอดคือมหาอำนาจ เมื่อปี พ.ศ. 2445 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดให้ผู้เชี่ยวชาญระบบชลประทานจากประเทศฮอลแลนด์ เข้ามาวางระบบในประเทศไทย แต่ด้วยงบประมาณจำกัดจึงสร้างแค่ประตูระบายน้ำคลองบางเหี้ย ระหว่างที่สร้างนั้นกระแสน้ำคลื่นลมแรงมาก หลวงพ่อปาน ท่านเสกเขี้ยวเสือขว้างลงไป ปรากฏว่ากระแสน้ำสงบ สร้างประตูระบายน้ำได้

ต่อมาในปี พ.ศ. 2452 ประตูน้ำที่กั้นคลองบางเหี้ยได้เกิดรั่ว พระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 5 เสด็จฯ มาประทับอยู่ที่ประตูน้ำนั้น 3 วัน พร้อมทั้งนิมนต์หลวงพ่อปานเข้าเฝ้าฯ หลวงพ่อปานให้เด็กชายป๊อดถือพานใส่เขี้ยวเสือที่แกะแล้วไปด้วย เมื่อไปถึงที่ประทับ ไม่มีเขี้ยวเสืออยู่ในพานแล้วโดยเด็กชายป๊อดบอกว่าเสือกระโดดลงน้ำ หลวงพ่อปานจึงให้นำเอาดินเหนียวมาปั้นเป็นรูปหมู แล้วเสียบไม้แกว่งล่อเสือขึ้นมาจากน้ำต่อหน้าพระพักตร์ แล้วรับสั่งถามว่า

"ที่แจกเครื่องรางเป็นรูปเสือมีความหมายว่าอย่างไร หลวงพ่อปานทูลตอบว่า ไปรุกขมูลธุดงค์ในป่า พบเสือใหญ่หลายครั้ง ได้สังเกตดูเห็นว่า เสือเป็นสัตว์ปราดเปรียวฉลาด ว่องไว เฉียบขาด มีตบะและอำนาจ สามารถที่จะใช้ตาสะกดสัตว์อื่นให้อยู่ในอำนาจได้ คนทั่วไปเรียกผู้ร้ายใจฉกรรจ์ว่า "ไอ้เสือ" ก็คือเอาความเก่งกาจของเสือมานั้นเอง

ส่วนที่ทำรูปเสือมิใช่สนับสนุนให้คนกลายเป็น "ไอ้เสือ" เพียงแต่ต้องการเอาลักษณะของเสือจริงในป่าที่ปราดเปรียว ว่องไว เฉลียวฉลาด เฉียบขาด มาเป็นตัวอย่างเท่านั้น ภายหลังหลวงพ่อปานได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็น "พระครูพิพัฒน์นิโรธกิจ" ท่านเป็นชาวคลองด่าน เกิดปี พ.ศ. 2368 ปีระกา มรณภาพวันที่ 29 ส.ค.

ข่าวเด่น

ข่าวทั่วไทย

ข่าวที่น่าสนใจ