วิจัยอสุจิชายทั่วโลกชี้ ท่านชายในทวีปอเมริกาเหนือ ยุโรป ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ มีจำนวนและความหนาแน่นของเชื้ออสุจิลดลง ขณะที่กลุ่มตัวอย่างจากพื้นที่อื่นรวมถึงเอเชียยังปกติ
การศึกษาที่รวบรวมข้อมูลจากทั่วโลกนาน 38 ปี ตั้งแต่ปี 1973-2011 นำทีมโดย นพ.ฮาไก เลอวีน ผู้เชี่ยวชาญจาก ม.ฮิบรูแห่งเยรูซาเล็ม ประเทศอิสราเอล ซึ่งทำการวิเคราะห์ข้อมูลการศึกษาเกี่ยวกับอสุจิทั่วโลกถึง 185 ชิ้น ของผู้เข้าร่วมการทดลอง 42,935 คน ใน 50 ประเทศทั่วโลก ตัวอย่างหัวข้อของข้อมูลที่เก็บ เช่น สถานการณ์การเจริญพันธุ์ อายุ จำนวนการไม่หลั่งของอสุจิ วิธีการเก็บน้ำเชื้อ วิธีการนับจำนวนอสุจิ และพื้นที่อยู่อาศัยของชายกลุ่มทดลอง ซึ่งเลอวีนจัดรวมเป็นทวีป
ผลการศึกษาจากประเทศบราซิล เดนมาร์ก อิสราเอล สเปน และสหรัฐ รายงานข้อมูลความเข้มข้นของเชื้ออสุจิของผู้ชายลดลง 1.4% ต่อปี หรือรวมเป็น 52.4% ในช่วงเกือบ 40 ปี ขณะที่จำนวนตัวอสุจิในกลุ่มเดียวกันก็ลดลง 1.6% ต่อปี หรือรวมเป็น 59.3% ในช่วงเวลาการศึกษาทั้งหมด โดยกลุ่มประเทศที่มีแนวโน้มอสุจิลดลงส่วนใหญ่เป็นประเทศฝั่งตะวันตกด้วย ขณะที่แนวโน้มการลดลงของความเข้มข้นหรือจำนวนสเปิร์มกลับไม่พบในผู้ชายที่อาศัยอยู่ในทวีปอเมริกาใต้ แอฟริกา และเอเชีย
เลอวีนบันทึกผลสรุปการวิเคราะห์ข้อมูลว่า ความเข้มข้นที่ลดลงของอสุจิของชายจำนวนมากในกลุ่มสำรวจ คือมีจำนวนอสุจิต่ำกว่า 40 ล้านตัวต่อน้ำอสุจิ 1 มล. แสดงเค้าลางที่น่ากังวล เพราะอาจส่งผลต่อความเป็นไปได้ต่อเดือนที่ลดลงของการปฏิสนธิระหว่างไข่และอสุจิด้วย
นอกจากนี้ ทีมนักวิเคราะห์การศึกษาต่างๆ ยังตั้งสมมติฐานว่า แนวโน้มของการผลิตอสุจิของผู้ชายในลักษณะนี้อาจเกิดจากการรับสารเคมีต่างๆ ในชีวิตประจำวัน เช่น ยาฆ่าแมลง ตะกั่ว เข้าสู่ร่างกายเป็นจำนวนมากในระดับที่ไม่เคยเจอมาก่อน ซึ่งอาจส่งผลต่อการเพิ่มหรือลดของฮอร์โมนเพศ
การศึกษาชิ้นนี้ยังมีผู้เชี่ยวชาญหรือนักวิเคราะห์อีกจำนวนหนึ่งร่วมแสดงความคิดเห็น อาทิ กลุ่มส่งเสริมสิ่งแวดล้อม Environmental Working Group ที่เผยว่า ตามปกติก็สามารถตรวจสอบปริมาณสารเคมีภายในร่างกายหรือระดับความแข็งแรงของสุขภาพของผู้ชายจากอสุจิได้ แต่ก็เชื่อว่าการผจญกับสภาพแวดล้อมที่ปนเปื้อนด้วยสารเคมีน่าจะไม่ใช่ปัจจัยเดียวที่กระทบต่อคุณภาพและปริมาณของน้ำเชื้อ
ขณะที่ศูนย์ศึกษาด้านความเสี่ยงจากคณะแพทยศาสตร์แห่ง ม.ซินซินเนติ รัฐโอไฮโอของสหรัฐ ก็มองว่า ผลสรุปการวิเคราะห์ข้อมูลครั้งนี้มีแนวโน้มเป็นจริง ทว่า ยังขาดการวิเคราะห์สุขภาพกลุ่มผู้เข้ารับการทดลองที่ละเอียดกว่านั้น เช่น การตรวจดัชนีมวลกาย และมองว่าภาวะโรคอ้วนก็มีส่วนอย่างมากต่อแนวโน้มนี้ รวมถึงวิธีการใช้ชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไปก็มีความเป็นไปได้ว่าเกี่ยวข้องกับรายงานความเปลี่ยนแปลงทางกายภาพด้วย
