ธนาคารโลกหั่นคาดการณ์เศรษฐกิจเอเชียตะวันออกและแปซิฟิกเพราะโควิด-19 ยังระบาดหนัก
ธนาคารโลกระบุว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชียตะวันออกและแปซิฟิกจะได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์เดลตา ซึ่งมีแนวโน้มว่าจะชะลอการเติบโตทางเศรษฐกิจ และเพิ่มความไม่เท่าเทียมในภูมิภาค
ตามรายงาน "East Asia and Pacific Fall 2021 Economic Update" ของธนาคารโลกยังชี้ว่ามีการปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจของประเทศส่วนใหญ่ในภูมิภาคนี้ เนื่องจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจเริ่มชะลอตัวลงตั้งแต่ไตรมาสที่ 2 ของปีนี้
โดยคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจของจีนจะขยายตัว 8.5% ขณะที่เศรษฐกิจของประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคจะขยายตัวเพียง 2.5% ซึ่งลดลงเกือบ 2% จากที่เคยคาดการณ์ไว้ในเดือนเมษายน
ขณะที่ปรับลดคาดการณ์อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของไทยในปีนี้เหลือ 1% จากตัวเลขคาดการณ์เมื่อเดือนกรกฎาคมอยู่ที่ 2.2% โดยคาดว่าเศรษฐกิจของไทยจะใช้เวลาในการฟื้นตัวราว 3 ปี
มานูเอลา เฟอร์โร รองประธานธนาคารโลกประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกและแปซิฟิกกล่าวว่า "การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของประเทศกำลังพัฒนาในภูมิภาคเอเชียตะวันออกและแปซิฟิกกำลังเผชิญกับความพลิกผัน"
โดยอธิบายว่าในปีที่แล้วภูมิภาคนี้สามารถควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้ขณะที่ภูมิภาคอื่นๆ ยังไม่สามารถควบคุมได้ แต่ในปีนี้กลับมีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอีกครั้งซึ่งส่งผลให้แนวโน้มการเติบโตของเศรษฐกิจในภูมิภาคลดลง
รายงานยังระบุว่าเศรษฐกิจของประเทศในหมู่เกาะแปซิฟิกคาดว่าจะหดตัว 2.9% ขณะที่เมียนมาน่าจะได้รับผลกระทบหนักที่สุด โดยคาดว่าเศรษฐกิจเมียนมาจะหดตัวถึง 18%
โดยได้ประมาณการว่าประเทศส่วนใหญ่ในภูมิภาคนี้ รวมทั้งอินโดนีเซียและฟิลิปปินส์จะสามารถฉีดวัคซีนให้แก่ประชากรได้มากกว่า 60% ภายในครึ่งแรกของปี 2022 แม้ว่าอาจยังไม่สามารถกำจัดเชื้อให้หมดไปได้
นอกจากนี้ ธนาคารโลกยังระบุว่าความเสียหายที่เกิดขึ้นจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 มีแนวโน้มที่จะส่งผลกระทบต่อการเติบโตและเพิ่มความไม่เท่าเทียมในระยะยาว
โดยภูมิภาคนี้ต้องให้ความพยายามอย่างจริงจังในการจัดการกับการแพร่ระบาด ไม่ว่าจะเป็นการฉีดวัคซีน เสริมสร้างระบบสาธารณสุข การตรวจหาเชื้อ ตลอดจนการติดตามและเฝ้าระวังโรค