ถึงเวลาแล้วที่เราต้องหันมาดูแลสุขภาพของตัวเองและครอบครัว เพื่อลดความเสี่ยงจากโรค NCDs
อาหาร “หวาน มัน เค็ม” เป็นหนึ่งในสาเหตุหลักของการเกิดโรคร้าย ที่เรียกว่า NCDs (Non-Communicable Diseases) หรือกลุ่มโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง ซึ่งได้แก่ โรคเบาหวาน กลุ่มโรคหลอดเลือดสมองและหัวใจ โรคมะเร็ง โรคถุงลมโป่งพอง โรคความดันโลหิตสูง และโรคอ้วนลงพุง
ตัวการหลักๆ ในอาหารแปรรูป ขนม หรือเครื่องดื่มต่างๆ ที่ก่อให้เกิดโรค NCDs ก็คือน้ำตาล ไขมัน และโซเดียม ถึงเวลาแล้วที่เราต้องหันมาดูแลสุขภาพของตัวเองและครอบครัว เพื่อลดความเสี่ยงจากโรค NCDs เริ่มง่ายๆ โดยลดเจ้า 3 ตัวร้าย หวาน มัน เค็ม
หวาน - การกินหวานที่เหมาะสมนั้น ผู้ใหญ่ควรบริโภคน้ำตาลที่เติมลงในอาหารหรือเครื่องดื่มไม่เกิน 6 ช้อนชาต่อวัน (หรือ 24 ก.) ส่วนเด็กไม่เกิน 4 ช้อนชาต่อวัน (หรือ 16 ก.) เพราะนอกจากน้ำตาลจะทำให้เสี่ยงเป็นโรคแล้ว ยังทำให้แก่เร็วอีกด้วย เนื่องจากปริมาณน้ำตาลที่สูงเกินไปจะเข้าไปทำลายคอลลาเจนในผิวหนัง
มัน - ปริมาณไขมันที่สูงเกินไปจะก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อโรคอ้วน และความดันโลหิตสูง ควรบริโภคไขมันไม่เกิน 65 ก.ต่อวัน หรือใช้น้ำมันประกอบอาหารไม่เกิน 6 ช้อนชาต่อวัน
เค็ม - การกินเค็มมากเกินไปทำให้เสี่ยงต่อภาวะความดันโลหิตสูง และโรคไต ควรบริโภคโซเดียมไม่เกินวันละ 1 ช้อนชาต่อวัน (หรือ 2,000 มก.)
วิธีง่ายๆ ที่จะทำให้เรามีพฤติกรรมการกินที่ดีขึ้น มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น คือ การเลือกรับประทานอาหาร และเครื่องดื่มที่ได้รับการรับรองสัญลักษณ์โภชนาการ “ทางเลือกสุขภาพ” (Healthier Choice) ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ที่แสดงว่าผลิตภัณฑ์อาหารนั้นได้ผ่านเกณฑ์การพิจารณาแล้วว่ามีปริมาณน้ำตาล ไขมัน และเกลือ (โซเดียม) ที่เหมาะสม ไม่เกินปริมาณที่ร่างกายควรได้รับในแต่ละวัน ซึ่งเนสท์เล่ก็เป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์ที่ผ่านเกณฑ์ และได้รับสัญลักษณ์ “ทางเลือกสุขภาพ” มากที่สุดในประเทศไทยประจำปี 2561 ถึง 44 รายการ
นอกจากความสมดุลในการกินอาหาร การเลือกกินหวาน มัน เค็ม อย่างรอบคอบ และชาญฉลาดด้วยการสังเกตสัญลักษณ์ทางเลือกสุขภาพให้ห่างไกลโรคแล้ว เพื่อให้สุขภาพดีอย่างสมบูรณ์แบบ เราควรออกกำลังกาย พักผ่อนให้เพียงพอ และดื่มน้ำสะอาดมากๆ ทุกวันอย่างสม่ำเสมอ และตรวจเช็กสุขภาพประจำปีเพื่อสุขภาพที่ดีในระยะยาว