BKK NEWS

โดย กองบรรณาธิการ M2F

07 กุมภาพันธ์ 2562 : 18:57 น.

ผู้ว่าฯ กทม.พร้อมคณะ ลงพื้นที่ตรวจติดตามความคืบหน้าโครงการก่อสร้างเขื่อนคลองลาดพร้าว

เมื่อวันที่ 7 ก.พ. เวลา 13.30 น. พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าฯ กทม. พร้อมด้วย ร.ต.ต.เกรียงศักดิ์ โลหะชาละ ประธานสภา กทม. นางศิลปสวย ระวีแสงสูรย์ ปลัด กทม. พล.ต.สันติพงศ์ ธรรมปิยะ รองแม่ทัพภาคที่ 1 ลงพื้นที่ตรวจติดตามโครงการก่อสร้างเขื่อน ค.ส.ล. คลองลาดพร้าว โดยลงเรือตรวจความก้าวหน้าตั้งแต่บริเวณประตูระบายน้ำคลองสอง สายใต้ เขตสายไหม จนถึงท่าเรือชั่วคราววัดบางบัว เขตบางเขน ระยะทางประมาณ 10.5 กม.

ซึ่งโครงการก่อสร้างเขื่อน ค.ส.ล. คลองลาดพร้าว ครอบคลุมพื้นที่ 8 สำนักงานเขต ได้แก่ วังทองหลาง ห้วยขวาง ลาดพร้าว จตุจักร หลักสี่ บางเขน ดอนเมือง และสายไหม มีความยาว 2 ฝั่งคลอง รวมทั้งสิ้น 45.3 กม. ทั้งนี้ โครงการก่อสร้างเขื่อนฯ มีบ้านเรือนประชาชนที่รุกล้ำคลองลาดพร้าวในพื้นที่ 8 สำนักงานเขต จำนวน 6,638 หลัง ซึ่งอยู่ในแนวพื้นที่โครงการก่อสร้างเขื่อน 3,761 หลัง โดยยินยอมเข้าร่วมโครงการ 3,226 หลัง ไม่ยินยอมเข้าร่วมโครงการ 535 หลัง ปัจจุบันสามารถดำเนินการรื้อย้ายบ้านได้แล้ว 1,629 หลัง ยังไม่ได้รื้อย้ายอีก 1,597 หลัง

ทั้งนี้ โครงการก่อสร้างเขื่อน ค.ส.ล. คลองลาดพร้าว ได้แบ่งการก่อสร้าง ออกเป็นพื้นที่ 8 สำนักงานเขต ที่ผ่านมาสำนักงานเขตในพื้นที่โครงการได้ลงพื้นที่เพื่อสร้างความเข้าใจกับประชาชนที่มีบ้านเรือนอยู่ในแนวพื้นที่โครงการให้เห็นถึงความสำคัญของส่วนรวมและและประโยชน์ที่จะได้รับจากโครงการดังกล่าว สำหรับในพื้นที่เขตสายไหมมีบ้านเรือนประชาชนที่อยู่ในแนวพื้นที่โครงการทั้งหมด 10 ชุมชน มีความยาวทั้ง 2 ฝั่งคลองรวมกันประมาณ 7,100 ม. โดยประชาชนในชุมชนได้ให้ความร่วมมือในการรื้อย้ายบ้านเรือนออกไปและบางส่วนได้เข้าร่วมโครงการบ้านมั่นคง ทำให้สามารถส่งมอบพื้นที่ได้ทั้งหมดแล้ว

ปัจจุบันผู้รับจ้างได้ดำเนินการตอกเสาเข็ม กดแผงกันดิน ทำคานทางเดิน และติดตั้งราวกันตก เมื่อโครงการก่อสร้างเขื่อนฯ ในพื้นที่เขตสายไหมแล้วเสร็จ จะเป็นพื้นที่ตัวอย่างในการก่อสร้างเขื่อนฯ รวมถึงเป็นต้นแบบในการพัฒนาคลองลาดพร้าวแก่สำนักงานเขตอื่นๆ ตลอดจนเป็นการป้องกันและแก้ไขปัญหาน้ำท่วมในพื้นที่ กทม. เพิ่มประสิทธิภาพในการระบายน้ำลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยา

ผู้ว่าฯ กทม. กล่าวว่า วันนี้ได้ลงพื้นที่ร่วมกับสภา กทม. และกองทัพภาคที่ 1 เพื่อติดตามโครงการก่อสร้างเขื่อนคลองลาดพร้าว ซึ่งมีความก้าวหน้าไปมากแต่ก็ยังมีที่ติดขัดบางประการ อาทิ ประชาชนที่อาศัยอยู่ริมคลองบางส่วนยังไม่ได้ย้ายออกไป เนื่องจาก พอช. ยังสร้างบ้านมั่นคงไม่แล้วเสร็จ และบางพื้นที่ยังเจรจาไม่สำเร็จจึงเป็นพื้นที่ฟันหลอ คงเหลือบ้านอีกบางส่วนที่ยังไม่ยอมรื้อย้ายออกไป ซึ่งจำเป็นต้องใช้มาตรการทางกฎหมาย เพราะได้เจรจามากว่า 2 ปีแล้ว ทั้งนี้ ยอมรับว่าโครงการก่อสร้างเขื่อนจะไม่แล้วเสร็จตามแผนในปีนี้ แต่จะพยายามเร่งรัดการก่อสร้างให้เสร็จเร็วที่สุด สำหรับข้อเรียกร้องในส่วนค่าใช้จ่ายในการรื้อย้ายที่มีการขอค่าชดเชยจำนวนเป็นแสนบาทนั้น ต้องดูตามความเหมาะสมพิจารณาให้ตามเหตุผลอันสมควร เชื่อว่าเมื่อโครงการก่อสร้างเขื่อนคลองลาดพร้าวแล้วเสร็จทั้งโครงการ จะเป็นพื้นที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่ของ กทม. มีความสวยงามและสภาพแวดล้อมที่ดี

ข่าวเด่น

The 1 Insight เผยกลยุทธ์มัดใจ Silver Spenders วัยเก๋าพร้อมเปย์ ชี้ทางรอดแบรนด์ยุค Complete Aged Society พร้อมเทรนด์เด่น Self-Indulgence & Health Enthusiast

The 1 Insight เผยกลยุทธ์มัดใจ Silver Spenders วัยเก๋าพร้อมเปย์ ชี้ทางรอดแบรนด์ยุค Complete Aged Society พร้อมเทรนด์เด่น Self-Indulgence & Health Enthusiast

LH Bank สนับสนุนสินเชื่อจำนวน 1,950 ล้านบาท ให้แก่กลุ่มบริษัท ที ที เอส พลาสติก

นายฉี ชิง-ฟู่ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ ธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) (LH Bank) (ที่ 3 จากขวา) ร่วมลงนามให้การสนับสนุนสินเชื่อจำนวน 1,950 ล้านบาท แก่กลุ่มบริษัท ที ที เอส พลาสติก

ข่าวที่น่าสนใจ