BKK NEWS

โดย กองบรรณาธิการ M2F

30 กันยายน 2561 : 20:48 น.

นายจักกพันธุ์ ผิวงาม รองผู้ว่าฯ กทม. กล่าวภายหลังลงพื้นที่ติดตามโครงการก่อสร้างเขื่อน ค.ส.ล.คลองลาดพร้าว

ตั้งแต่ท่าเรือชั่วคราววัดบางบัว เขตบางเขน จนถึงประตูระบายน้ำคลองสองสายใต้ เขตสายไหม ว่า จากการลงพื้นที่ติดตามโครงการก่อสร้างเขื่อนค.ส.ล.คลองลาดพร้าว ทั้งหมด 8 สำนักงานเขต พบว่าในพื้นที่เขตสายไหม ประชาชนที่มีบ้านเรือนอยู่ในแนวพื้นที่โครงการทั้งหมด 10 ชุมชน ได้ให้ความร่วมมือในการรื้อย้ายบ้านเรือนออกไปจนหมดแล้ว ทั้งนี้ พื้นที่เขตสายไหมสามารถตอกเสาเข็มได้แล้ว 7,750 ต้น จากทั้งหมด 9,616 ต้น คาดว่าโครงการก่อสร้างเขื่อน ค.ส.ล. คลองลาดพร้าวในพื้นที่เขตสายไหม จะแล้วเสร็จภายในวันที่ 31 ธ.ค. 2561 โดยจะเป็นพื้นที่ตัวอย่างในการพัฒนาคลองลาดพร้าวแก่สำนักงานเขตอื่นๆ ต่อไป

นอกจากนี้ ได้มอบหมายให้สำนักงานเขตในพื้นที่โครงการก่อสร้างเขื่อน ค.ส.ล.คลองลาดพร้าว ลงพื้นที่สร้างความเข้าใจกับประชาชนให้เห็นถึงความสำคัญของส่วนรวมและประโยชน์ที่จะได้รับจากโครงการดังกล่าว เมื่อโครงการก่อสร้างเขื่อนแล้วเสร็จ จะสามารถป้องกันและแก้ไขปัญหาน้ำท่วมในพื้นที่ กทม. เพิ่มประสิทธิภาพในการระบายน้ำลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยา

ทั้งนี้ โครงการก่อสร้างเขื่อน ค.ส.ล.คลองลาดพร้าว เป็นโครงการสำคัญของรัฐบาลในการป้องกันและแก้ไขปัญหาน้ำท่วมในพื้นที่ กทม. มีความยาว 2 ฝั่งคลอง รวมทั้งสิ้น 45.3 กม. ครอบคลุมพื้นที่ 8 สำนักงานเขต ได้แก่ เขตวังทองหลาง ห้วยขวาง ลาดพร้าว จตุจักร บางเขน หลักสี่ ดอนเมือง และเขตสายไหม สำหรับพื้นที่โครงการก่อสร้างที่ส่งมอบแล้ว ความยาว 22,909 ม. และพื้นที่โครงการก่อสร้างที่ยังไม่ได้ส่งมอบ ความยาว 22,391 ม. ปัจจุบันสามารถดำเนินการตอกเสาเข็มได้ 24,993 ต้น จากทั้งหมด 60,000 ต้น

ทั้งนี้ มีบ้านเรือนประชาชนที่อยู่ในแนวพื้นที่โครงการก่อสร้างเขื่อนทั้งหมด 3,760 หลัง โดยยินยอมเข้าร่วมโครงการ 3,341 หลัง ไม่ยินยอมเข้าร่วมโครงการ 419 หลัง ปัจจุบันสามารถดำเนินการรื้อย้ายบ้านได้แล้ว 1,439 หลัง ยังไม่ได้รื้อย้ายอีก 1,902 หลัง อย่างไรก็ตาม วัตถุประสงค์ในการก่อสร้างเขื่อนไม่ใช่เพื่อการป้องกันน้ำท่วมและการแก้ไขปัญหาน้ำเน่าเสียเพียงอย่างเดียว แต่วัตถุประสงค์ที่สำคัญของรัฐบาลเพื่อต้องการให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ริมคลองลาดพร้าว ได้มีบ้านเรือนที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองอย่างถูกต้องตามกฎหมาย เป็นการยกระดับคุณภาพชีวิต มีสภาพความเป็นอยู่ที่ดี ส่งผลให้สภาพแวดล้อมรอบตัวดีขึ้น ซึ่งจะเกิดประโยชน์แก่ประชาชนโดยส่วนรวมเป็นสำคัญ

ข่าวเด่น

The 1 Insight เผยกลยุทธ์มัดใจ Silver Spenders วัยเก๋าพร้อมเปย์ ชี้ทางรอดแบรนด์ยุค Complete Aged Society พร้อมเทรนด์เด่น Self-Indulgence & Health Enthusiast

The 1 Insight เผยกลยุทธ์มัดใจ Silver Spenders วัยเก๋าพร้อมเปย์ ชี้ทางรอดแบรนด์ยุค Complete Aged Society พร้อมเทรนด์เด่น Self-Indulgence & Health Enthusiast

LH Bank สนับสนุนสินเชื่อจำนวน 1,950 ล้านบาท ให้แก่กลุ่มบริษัท ที ที เอส พลาสติก

นายฉี ชิง-ฟู่ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ ธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) (LH Bank) (ที่ 3 จากขวา) ร่วมลงนามให้การสนับสนุนสินเชื่อจำนวน 1,950 ล้านบาท แก่กลุ่มบริษัท ที ที เอส พลาสติก

ข่าวที่น่าสนใจ