.
ปัญหาการขับขี่บนทางเท้ายังมีทุกวันครับ กทม.จึงได้ตั้งจุดกวดขัน จับ-ปรับ รถจอดหรือขับขี่บนทางเท้า เน้นในพื้นที่ที่มีการจราจรหนาแน่นนำร่องมาแล้ว 115 จุด เพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนและให้สัญจรได้อย่างปลอดภัย
ตั้งแต่เริ่มโครงการฯ เมื่อวันที่ 9 ก.ค. 2561 จนถึงปัจจุบัน สามารถจับกุมผู้กระทำความผิดได้มากถึง 8,495 ราย ก็มีทั้งประชาสัมพันธ์ขอความร่วมมือ ว่ากล่าวตักเตือน ดำเนินคดี และปรับ รวมแล้วได้เงินเข้าหลวงกว่า 2.9 ล้านบาท
ถามว่า กทม.อยากได้เงินตรงนี้ไหม บอกเลยว่า ไม่ แต่เมื่อขอความร่วมมือแล้วไม่ให้ความร่วมมือ เราก็ต้องใช้ไม้หนัก บังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง เพราะเราถือว่าได้ดำเนินการประชาสัมพันธ์ และตักเตือนมาเป็นระยะเวลาพอสมควรแล้ว
จากนี้ กทม.จะตั้งจุดจับ-ปรับบนทางเท้าเพิ่มเติมอีก 118 จุด รวมเป็นจุดกวดขันทั้งสิ้น 233 จุด เพื่อให้ครอบคลุมพื้นที่ กทม.มากขึ้น โดยเฉพาะบริเวณที่มักมีผู้กระทำผิดเป็นประจำ เพื่อป้องปรามผู้ที่จะฝ่าฝืนให้เกิดความเกรงกลัวและไม่ทำผิดซ้ำอีก
รวมถึงสร้างจิตสำนึกในการใช้ทางเท้าซึ่งเป็นพื้นที่ส่วนรวมร่วมกัน ไม่เท่านั้นครับ หากพบผู้กระทำความผิดอีก เทศกิจจะจับ-ปรับในอัตราเริ่มต้น 500 บาท ทุกกรณี จนถึงอัตราค่าปรับสูงสุด 5,000 บาท
ส่วนเด็กและเยาวชนที่ฝ่าฝืนขับขี่บนทางเท้า ก็ถือว่า มีความผิดเหมือนกันครับ เจ้าหน้าที่เทศกิจจะประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการยึดรถ และเชิญผู้ปกครองมารับทราบข้อกล่าวหา ลงบันทึกประจำวัน และตักเตือน เพื่อกระตุ้นให้เกิดจิตสำนึกในการอยู่ร่วมกับผู้อื่น และปฏิบัติให้ถูกต้องตั้งแต่ยังอายุน้อยๆ ครับ
ในส่วนของวิน จยย.รับจ้างที่ตั้งบนทางเท้า ก็ได้มอบหมายให้เทศกิจ 50 เขตไปสำรวจพร้อมเจรจาให้แต่ละวินจอดรถ จยย.รับจ้างได้ไม่เกินวินละ 5 คัน เพื่อให้ประชาชนมีทางเดินได้สะดวก รวมถึงให้ผู้ขี่ จยย.รับจ้างร่วมเป็นเครือข่าย “นักสืบตาสับปะรด” ตรวจสอบการทำผิดของวินกันเองอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม กทม.ก็จะสำรวจและปรับปรุงทางเท้าที่มีขนาดความกว้างเพียงพอ จัดทำช่องเว้าลักษณะเดียวกับการจัดสร้างจุดจอดรถแท็กซี่ สำหรับเป็นจุดจอดวิน จยย.รับจ้าง เพื่อช่วยแก้ไขปัญหาอีกทางหนึ่งครับ
พี่น้องประชาชนก็มีส่วนร่วมในการสอดส่องดูแลการกระทำผิดฝ่าฝืนจอดรถหรือขับขี่บนทางเท้าได้ โดยสมัครเป็นสมาชิกเครือข่ายนักสืบตาสับปะรดทางเฟซบุ๊ค หรือส่งข้อมูลตรงหรือไปรษณีย์ไปยังฝ่ายเทศกิจ 50 สำนักงานเขตได้ครับ
