MONEY

โดย กองบรรณาธิการ M2F

29 ตุลาคม 2561 : 08:26 น.

ยอดจัดตั้งธุรกิจพื้นที่อีอีซี 9 เดือน 2561 ยังร้อนแรง 5,472 ราย พุ่ง 7% พาณิชย์มั่นใจทั้งปีโตไม่ต่ำกว่า 10%

นายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยว่า สถิติการจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี) ช่วง 9 เดือน (ม.ค.-ก.ย.) 2561 มีจำนวน 5,472 ราย เพิ่มขึ้น 6.96% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน มีมูลค่าทุนจดทะเบียน 1.46 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.18% โดยประเภทธุรกิจที่มีการจดทะเบียนสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ อสังหาริมทรัพย์ 950 ราย มูลค่าทุนจดทะเบียน 3,359.35 ล้านบาท ก่อสร้างอาคารทั่วไป 457 ราย มูลค่าทุนจดทะเบียน 643.55 ล้านบาท และภัตตาคาร/ร้านอาหาร 214 ราย มูลค่าทุนจดทะเบียน 459.31 ล้านบาท

“กรมคาดว่ายอดการจดตั้งกิจการในอีซีปี 2561 จะเพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 10% เทียบกับปี 2560 ซึ่งเป็นผลดีจากนโยบายรัฐบาลที่ส่งเสริมลงทุนอีอีซีอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้มีเอสเอ็มอีเข้ามาจัดตั้งธุรกิจเพื่อรองรับการขยายตัวของเมือง ทำให้มีประชากรแรงงานเข้ามามากขึ้น มีความต้องการที่อยู่อาศัย และยังมีการลงทุนด้านร้านอาหาร รวมถึงการลงทุนในธุรกิจภาคบริการ” นายวุฒิไกร กล่าว

นอกจากนี้ กรมยังได้ร่วมมือกับสำนักงานเพื่อการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (สกรศ.) กำหนดแนวทางในการพัฒนาผู้ประกอบการไทย ให้มีความเข้มแข็งโดยเข้าไปช่วยเหลือผู้ประกอบการเอสเอ็มอีและกลุ่มสตาร์ทอัพ ให้มีการนำนวัตกรรมมาใช้ในการต่อยอดและยกระดับสู่ธุรกิจเชิงสร้างสรรค์ เพื่อรองรับการขยายตัวของธุรกิจและตอบสนองความต้องการของลูกค้า รวมถึงการเข้าไปพัฒนาธุรกิจเป้าหมาย เช่น ธุรกิจให้บริการโลจิสติกส์ รองรับการขยายตัวของการขนส่งและธุรกิจอี-คอมเมิร์ซ ธุรกิจที่พักและการดูแลที่อยู่อาศัย และธุรกิจร้านอาหาร

ด้านขนาดธุรกิจในพื้นที่อีอีซีปัจจุบัน พบว่าเป็นธุรกิจขนาดเล็ก 6.29 หมื่นราย คิดเป็น 95.52% รองลงมาขนาดกลาง 1,703 ราย คิดเป็นสัดส่วน 2.58% และขนาดใหญ่ 1,252 ราย คิดเป็นสัดส่วน 1.90% โดยเป็นธุรกิจภาคบริการ 4.02 หมื่นราย ขายส่ง/ปลีก 1.55 หมื่นราย และการผลิต 1 หมื่นราย

สำหรับการลงทุนของต่างชาติ ในพื้นที่อีอีซีปัจจุบันเป็นนิติบุคคลที่จัดตั้งในไทย (ต่างชาติถือหุ้นไม่เกิน 49.99%) มีมูลค่า 6.98 แสนล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 38.48% ของมูลค่าทุนทั้งหมด โดยญี่ปุ่นลงทุนสูงสุด 3.6 แสนล้านบาท รองลงมา คือ จีน 4.37 หมื่นล้านบาท สิงคโปร์ 3.61 หมื่นล้านบาท สหรัฐ 2.68 หมื่นล้านบาท และเกาหลีใต้ 1.97 หมื่นล้านบาท

ข่าวเด่น

ข่าวที่น่าสนใจ