SPCG เติบโตแข็งแกร่ง ประกาศจ่ายปันผล 1.20 บาท หลังผลประกอบการปี 2561 กวาดรายได้ตามเป้า พร้อมประกาศแผนธุรกิจ 2562 เติบโตต่อเนื่องจาก 2 ธุรกิจหลัก ตั้งเป้าสร้างรายได้เพิ่ม 7 พันล้านบาท
เมื่อวันที่ 25 ก.พ. ดร.วันดี กุญชรยาคง จุลเจริญ ประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เอสพีซีจี จำกัด (มหาชน) หรือ SPCG เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ เมื่อวันที่ 22 ก.พ.2562 ที่ผ่านมา มีมติอนุมัติให้เสนอที่ประชุมผู้ถือหุ้นพิจารณาอนุมัติจ่ายเงินปันผล จากผลการดำเนินงานประจำปี 2561 ในอัตราหุ้นละ 1.20 บาท ซึ่งได้มีการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล จากผลการดำเนินงานงวดวันที่ 1 ม.ค. 2561 - วันที่ 30 มิ.ย. 2561 ไปแล้วในอัตราหุ้นละ 0.55 บาท คงเหลือเงินปันผลที่จะจ่ายในงวดนี้ อัตราหุ้นละ 0.65 บาท
ทั้งนี้ กำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิได้รับเงินปันผล (Record Date) ในวันอังคารที่ 12 มี.ค.2562 และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันศุกร์ที่ 10 พ.ค. 2562 โดย สิทธิในการรับเงินปันผลดังกล่าวต้องรอผลสรุปการอนุมัติจากที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2562 อีกครั้ง โดยกำหนดการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2562 ในวันที่ 12 เม.ย.2562 เวลา ที่ โรงแรมแอมบาสซาเดอร์ สุขุมวิท 11
สำหรับ บริษัทฯมีแผนการดำเนินธุรกิจสำหรับปี 2562 โดยตั้งเป้ารายได้เติบโตกว่า 7,000 ล้านบาท เติบโตจาก 2 ธุรกิจหลัก คือ ธุรกิจผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ (Solar Farm) และธุรกิจจำหน่ายและติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา (Solar Roof) โดยเฉพาะอย่างยิ่งธุรกิจ Solar Roof ในปีนี้บริษัทฯ ตั้งเป้าการเติบโตของรายได้อย่างก้าวกระโดด ซึ่งจากแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศ (Power Development Plan : PDP) ปี 2018 ในส่วนของโซลาร์ภาคประชาชนจำนวน 100 เมกะวัตต์
ดร.วันดี กล่าวว่า ผลการดำเนินการ นอกจากจะมีส่วนช่วยในการประหยัดค่าไฟฟ้าในเวลากลางวันได้แล้ว ครัวเรือนที่สามารถผลิตหน่วยไฟฟ้าได้เกินกว่า การใช้งานยังสามารถจำหน่ายให้ภาครัฐได้ด้วย และหากประมาณการการติดตั้งให้แต่ละครัวเรือน ครัวเรือนละ 5 kWp สามารถครอบคลุมประชาชนได้ถึงปีละกว่า 20,000 ครัวเรือนทีเดียว ซึ่งเชื่อว่าจะกระตุ้นให้เกิดการตื่นตัวและมีความต้องการติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคาหรือ Solar Roof มากขึ้นในปีนี้