พาณิชย์เรียกถกด่วน 25 ก.พ.นี้ หลังจากเงินบาทแข็งค่าทุบส่งออกสูญรายได้แล้ว 4 แสนล้าน
นายวิศิษฐ์ ลิ้มลือชา รองประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทที่แข็งค่าอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2561 จนถึงต้นปี 2562 หรือแข็งค่าขึ้นมาประมาณ 6% ทำให้รายได้จากการส่งออกในรูปเงินบาทสูญเสียไป 4 แสนล้านบาท หรือคำนวณจากการส่งออกสินค้าไทยในปี 2561 ที่มีมูลค่าประมาณ 8 ล้านล้านบาท ถือเป็นปัญหาใหญ่ของภาคการส่งออกในขณะนี้
ทั้งนี้ กลุ่มที่กระทบหนักคือ เกษตรและอาหาร เพราะใช้วัตถุดิบภายในประเทศเกือบ 100% ที่ผ่านมาภาคเอกชนพยายามหาวิธีลดต้นทุน เพื่อเสนอราคาสินค้าให้กับผู้ซื้อถูกลง แต่พอลดมากๆ เงินบาทยังแข็งค่าต่อเนื่อง เมื่อมาถึงจุดหนึ่งตั้งราคาลำบาก บางรายแก้ปัญหาด้วยการยอมขายขาดทุน บางรายแก้ปัญหาด้วยการลดกำลังการผลิต เพราะรู้ว่าขายไปก็ขาดทุน
อย่างไรก็ตาม แม้ผู้ส่งออกจะทำประกันความเสี่ยงค่าเงิน เพื่อแก้ไขปัญหาความผันผวน แต่สถานการณ์ค่าเงินบาทที่แข็งค่าขณะนี้ ไม่ใช่ความผันผวน เพราะได้แข็งค่าขึ้นต่อเนื่องจาก 34 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ เหลือ 31 บาท/ดอลลาร์ และไม่มีแนวโน้มว่าจะอ่อนค่าลงภายใน 1-2 เดือน ทำให้ต้นทุนสินค้าเกษตรได้รับผลกระทบมาก หากค่าเงินบาทยังเป็นเช่นนี้ เกรงว่า จะกระทบต่อขีดความสามารถการแข่งขันระยะยาว และทำให้ไทยเสียตลาดส่งออกสินค้าให้กับคู่แข่ง
“ได้หารือธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เนื่องจากค่าเงินบาทของไทยแข่งขันไม่ได้ ทางออกคือแบงก์ชาติต้องผลักดันลดการใช้เงินสกุลดอลลาร์สหรัฐ และมาใช้เงินสกุลทางตรงกับประเทศที่เป็นคู่ค้า เช่น ค้าขายกับจีน ก็ควรจะใช้เงินหยวน” นายวิศิษฐ์ กล่าว
นายวิศิษฐ์ กล่าวว่า ในการประชุมร่วมกับกระทรวงพาณิชย์เพื่อประเมินการส่งออกไตรมาสแรกปี 2562 ในวันที่ 25 ก.พ. 2562 จะนำประเด็นค่าเงินบาทหารือ รวมถึงผลกระทบของสงครามการค้า (เทรดวอร์) ที่ทำให้รูปแบบการค้าเปลี่ยนแปลงไป