นักลงทุนต่างประเทศเข้าซื้อหุ้นไทยหลังเอ็มเอสซีไอ เพิ่มน้ำหนัก ต่างชาติกระหน่ำซื้อ 1.2 หมื่นล้าน
เมื่อวันที่ 28 พ.ค. 2562 เป็นอีกวันที่ต้องบันทึกไว้ในรอบ 44 ปี ของการเปิดทำการซื้อขายตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (30 เม.ย. 2518 ) โดยมีมูลค่าการซื้อขาย 204,855.67 ล้านบาท สูงสุดเป็นประวัติการณ์ จากปัจจัยหนุนหลัก ดัชนี MSCI ได้เพิ่มน้ำหนักหุ้นไทย ส่งผลให้นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 12,534.55 ล้านบาท
ขณะที่มีรายการซื้อขายขนาดใหญ่ (บิ๊กล็อต) จำนวน 46 หลักทรัพย์ 134 รายการ สำหรับ 5 หลักทรัพย์ ที่มีรายการซื้อขายขนาดใหญ่ (บิ๊กล็อต) สูงสุดล้วนเป็นหุ้นขนาดใหญ่ (บิ๊กแคป) นำโดยบริษัท ปูนซิเมนต์ไทย หรือ SCC มีรายการบิ๊กล็อต 11 รายการ จำนวน 14.47 ล้านหุ้น ที่ราคาเฉลี่ย 460.10 บาท/หุ้น มูลค่ารวม 6,658.62 ล้านบาท นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า การเพิ่มน้ำหนักหุ้นไทยของ MSCI จะทำให้มีเงินไหลเข้าประมาณ 6 -7.7 หมื่นล้านบาท
นายมงคล พ่วงเภตรา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุนหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เคทีบี (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า มูลค่าการซื้อขายตลาดหุ้นไทยที่สูงสุดเป็นประวัติการณ์ เกิดจากการที่กองทุนต่าง ๆ ทั่วโลกได้ปรับน้ำหนักการลงทุน(รีบาลานซ์) ตาม MSCI ที่มีการปรับน้ำหนักลงทุนครั้งใหญ่ประมาณ 4 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยเป็นของเอเชียประมาณ 2,800 ล้านดอลลาร์ ฯ (ประมาณ 8.9 หมื่นล้านบาท ที่อัตราแลกเปลี่ยน 31.79 บาท/ดอลลาร์)
สำหรับ ตลาดหุ้นไทย MSCI ได้เพิ่มน้ำหนักลงทุนจาก 2.4% เป็น 2.9 % จากการนำใบแสดงสิทธิในผลประโยชน์ที่เกิดจากหลักทรัพย์อ้างอิงไทย (NDVR)เข้าคำนวณในดัชนีในการปรับน้ำหนักกองทุนได้มีแนวทางปฏิบัติด้วยซื้อ-ขายในราคาปิด (ATC)ในวันที่ 28 พ.ค.ทั่วโลก จึงทำให้มีมูลค่าการซื้อขายที่จับคู่ หรือ Match กันสูง หากตัดมูลค่าการซื้อขายตามปกติออกไปราว 5 หมื่นล้านบาท ก็จะเห็นภาพเม็ดเงินที่จับคู่กันราว 1.5 แสนล้านบาท แบ่งฝั่งซื้อฝั่งขายออกไป ก็จะเท่ากับ 2,300 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 7.3 หมื่นล้านบาท)