3 เพื่อนร่วมงานที่ต้องพบพาน พร้อมวิธีการตั้งรับ

...มีเพื่อนร่วมงานดี ชีวิตทำงานก็มีความสุข เพราะเราต้องใช้เวลาไปกับการทำงานถึง 1 ใน 3 ของวัน​ เพื่อนร่วมงานจึงมีผลต่อเราไม่มากก็น้อย​ ส่วนใครที่ต้องเจอกับคนในทีมหรือเพื่อนในที่ทำงาน​ 3​ แบบนี้ เรามีวิธีรับมือ

เพื่อนร่วมงานประเภทปากร้ายใจดี

ข้อดีของเพื่อนร่วมงานประเภทนี้ แม้จะปากร้ายไปหน่อย แต่ก็มีความหวังดีต่อคนอื่นอยู่ เรียกว่ายังมีความจริงใจให้เห็น​ ยิ่งเพื่อนที่ไม่มีปากมีเสียงด้วยแล้ว จะรักเพื่อนคนนั้นเสียเหลือเกิน จุดอ่อนของพวกปากร้าย เอะอะก็ขอต่อว่าไว้ก่อน คือ อาจหลงผิดคิดว่าตัวเองถูกเสมอ แต่ซ้ำดีซ้ำร้ายอาจโยนความผิดให้คนอื่น

สิ่งที่ควรทำ

นอกจากทำใจไม่ถือสา ไม่เก็บคำพูดของเขามาคิดเป็นเรื่องเป็นราวแล้ว เราต้องเชื่อมั่นในตัวเอง เชื่อมั่นในความสามารถเรา อย่าให้ใครมาดูหมิ่นได้ เวลาไหนที่คนประเภทนี้กำลังวีนแตก จงทำทุกอย่างให้เธอ (เขา) ใจเย็นลงมาอย่างรวดเร็วที่สุด มิฉะนั้น บรรยากาศการทำงานคงไม่น่าอภิรมย์ และพยายามเอาชนะใจเขาให้ได้ เพราะเมื่อทำได้เขาจะรักและจริงใจด้วยอย่างไร้ข้อกังขา ขอความช่วยเหลืออะไร ก็เต็มใจถวายหัว ส่วนสิ่งที่ห้ามทำเด็ดขาด​คือเถียงกลับ หากต้องมีการชี้แจงใดๆ ให้ทำตอนที่แก้ไขเรื่องทุกอย่างเสร็จแล้ว และพอเขาใจเย็นลงหรืออารมณ์ปกติลง ค่อยๆ เล่าให้เขาฟังถึงการทำงานร่วมกับคนอื่นให้ประสบความสำเร็จควรทำอย่างไรบ้าง เพื่อให้มีทางเลือกที่ดีกว่า เอาแต่มีน้ำโหไปซะทุกครั้งอย่างไร้เหตุผล

เพื่อนร่วมงานประเภทปากดีแต่ใจร้าย

เข้าตำรา “ปากปราศรัย น้ำใจเชือดคอ” เป็นพวกที่เต็มไปด้วยจริตมารยา เจตนาหลอกใช้คนอื่น ทำเป็นพูดดีแต่ไร้ความจริงใจโดยสิ้นเชิง ดูเหมือนว่าเพื่อนร่วมงานแบบนี้จะน่ากลัวที่สุด ข้อดีของเพื่อนร่วมงานปากดีแต่ใจร้าย คือวาจาที่ฟังรื่นหูดูดี เหมาะทำงานแบบที่ต้องใช้การสื่อสารโดยไม่เผชิญหน้า​ เข้าสังคมเก่ง เพราะชำนาญในการใส่หน้ากาก แต่มีจุดอ่อนคือการประมาทคิดว่าคนอื่นไม่ทันตัวเอง จึงทำให้อาจถูกหลอกกลับได้ง่าย​ เพราะคนในสังคมก็มีหลายประเภท บ้างก็จับจ้องแต่จะเอาประโยชน์จากกัน

สิ่งที่ควรทำ

หากทำงานด้วยกันให้กำหนดสัญญาต่างๆ ให้ชัดเจน และให้มีระยะเวลาที่จำกัดสั้นๆ อย่ายืดเยื้อ ไม่เช่นนั้นคนพวกนี้หาผลประโยชน์กับเราแน่ สิ่งที่ห้ามทำเด็ดขาด คืออย่าเพ้อเจ้อเชื่อทุกอย่างตามเขา และอย่าไปดูหมิ่นความฝันหรือความคิดเขา คิดซะว่าทุกคนมีสิทธิ์ฝัน แต่อย่าหวังความสัมพันธ์ระยะยาวกับคนเช่นนี้ เขาไม่เคยจริงใจกับใครอย่างแท้จริงอยู่แล้ว พึงระวังไว้ว่ายิ่งยืดยาวยิ่งเจ็บลึก

เพื่อนร่วมงานประเภทพูดมากแต่ทำน้อย

เพื่อนร่วมงานนิสัยแบบนี้ดีแต่พูด ขี้เกียจ เอาแต่สั่ง เอาแต่ใช้ และเอาเปรียบคนอื่น โดยจะเป็นคนพูดไปเรื่อย ไร้สาระ ทั้งที่เกี่ยวกับงานและไม่เกี่ยวกับงาน จนทำให้บรรยากาศการทำงานและบริษัทวุ่นวายสับสน เต็มไปด้วยขยะเรื่องราวที่ไม่สร้างสรรค์ ซ้ำร้ายยังบั่นทอนประสิทธิภาพงานด้วย ข้อดีคงเป็นแค่ช่วยให้บรรยากาศในออฟฟิศไม่เงียบงัน จุดอ่อนพวกที่เอาแต่พูด คือมักมีความรับผิดชอบในหน้าที่การงานต่ำมาก สร้างปัญหาให้หมู่คณะอยู่เนืองๆ มีแนวโน้มเป็นพวกชอบป้ายความผิดให้คนอื่น​ หรือพูดเอาดีเข้าตัว

สิ่งที่ควรทำ

เพื่อนไม่ยอมทำงานไม่เป็นไร แต่เราต้องทำให้จริงจังจนงานสำเร็จ และรักษาผลประโยชน์ทางปัญญาให้ดี เพราะคนที่เอาแต่พูดมักทึกทักว่าเป็นผลงานของเขา และหากเขาชอบพูดอะไรที่ไม่เกี่ยวกับงาน ก็ไม่ต้องฟังหรือไม่ตอบก็ได้ ปล่อยให้เพื่อนพวกนี้อยู่คนเดียวบ่อยๆ หากคนอื่นๆ พร้อมใจให้เขาอยู่คนเดียว จะเป็นการช่วยให้เขาคิดหาสาระให้กับตัวเองมากขึ้น ห้ามทำเด็ดขาด​คือ อย่าพูดมากทำน้อยตามเขา อย่าไปต่อว่าต่อขานกับคำพูดเขา อยากพูดให้พูดไป และพยายามหาประโยชน์จากการพูดของเขา เช่น​ ให้ช่วยกระจายข่าวสาร