ทัพเรือภาคที่ 3 เร่งแยกชิ้นส่วนบ้านลอยน้ำกลางทะเล พร้อมลากกลับเข้าฝั่งเก็บไว้ที่ท่าเรือน้ำลึกภูเก็ต เตรียมออกหมายจับเจ้าของในสัปดาห์นี้ ข้อหาทำผิด พ.ร.บ.ความมั่นคง

เมื่อวันที่ 22 เม.ย.พล.ร.ต.วิธนรัชต์ คชเสนี รองผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 3 เปิดเผยว่า ขั้นตอนการปฏิบัติการย้ายบ้านลอยน้ำ Seasteading ช่วงบ่ายวันนี้ได้ตัดเสาค้ำยันแล้ว จากนั้นเอาน้ำเข้าตัวเสาให้ยุบตัวลงเพื่อให้บ้านลอยได้เองถอดเสาออกแยกบ้านจะลอยน้ำได้แล้วให้เรือหลวงมันในเก็บบ้านไว้บนเรือ ส่วนเสาให้เรือหลวงริ้นแยกออก จะเสร็จตามขั้นตอนที่วางไว้ เพื่อนำไปเก็บเป็นของกลางไว้ที่ท่าเรือน้ำลึกภูเก็ต เพื่อดำเนินคดีตามกฏหมาย

ทั้งนี้ การปฏิบัติการย้ายบ้านลอยน้ำเดินทาง ถึงท่าเรือน้ำลึกภายในวันนี้เวลาประมาณ 20.00 น. เมื่อทำการขนย้ายขึ้นเรือหลวงมันใน ปรากฏว่า ตัวบ้านขนาดพอดีกับความกว้างของเรือหลวงมันใน จึงต้องปรับแผนการปฏิบัติเดิมต้องวางบนตัวเรือหลวงมันในปรับเปลี่ยนเป็นการลากเข้าฝั่ง ทำให้ระยะเวลาถึงฝั่งล่าช้ากว่ากำหนดเดิม

พล.ร.ต.วิธนรัชต์ กล่าวว่า เมื่อนำวัตถุพยานไปที่ท่าเรือน้ำลึกภูเก็ตให้อยู่ในความดูแลของเจ้าท่าภูเก็ต และขอความร่วมมือเครือข่ายประมง หากพบเห็นเหตุการณ์ผิดปกติขอให้แจ้งให้หน่วยงานราชการได้รับทราบเพื่อร่วมกันป้องกันและป้องปรามก่อนที่จะขยายวงกว้างออกไป

อย่างไรก็ตาม ในส่วนของกองเรือปฏิบัติการทัพเรือภาคที่ 3 ศรชล.ภาค 3 ยังต้องดำเนินการต่อไปในทางคดี หลังจากที่ทัพเรือภาคที่ 3 เข้าแจ้งความต่อ สภ.วิชิต เมื่อ 14 เม.ย.แล้ว ซึ่งตำรวจ ต้องเรียกสอบพยานที่เกี่ยวข้อง ทำสำนวนคดีอย่างรอบคอบ และหน่วยงานแต่ละหน่วยที่มีส่วนเกี่ยวข้องถือกฏหมายของตัวเองอยู่ต้องแจ้งความเอาผิดกับผู้ถูกกล่าวหาประกอบกับตามอนุสัญญาเจนีวาระบุไว้ชัดเจนว่า ละเมิดอธิปไตยเพราะอยู่ในขอบเขตรัฐชายฝั่งประเทศไทย ใครจะมาทำสิ่งปลูกสร้างในน่านน้ำไม่ได้ ดังนั้น สิ่งที่เกิดขึ้นครั้งนี้เป็นบทเรียนที่คงไม่มีใครกล้ามาทำอีก

ด้าน นายสุพจน์ รอดเรือง ณ หนองคาย รองผวจ.ภูเก็ต กล่าวว่า ผู้เสียหายเป็นคนต่างชาติจะมีการออกหมายจับในข้อหาทำผิดพ.ร.บ.ความมั่นคง เพราะมีหลักฐานเพียงพอสามารถเอาผิดได้ มั่นใจดำเนินคดีได้คาดว่า จะออกหมายจับได้เร็วสุดภายในสัปดาห์นี้ ส่วนผู้เสียหายพนักงานสอบสวนต้องติดตามตัวมาดำเนินคดี เชื่อว่า ยังอยู่ในประเทศไทย