THAI NEWS

โดย กองบรรณาธิการ M2F

26 มิถุนายน 2562 : 17:36 น.

พิจิต-ตำรวจเร่งแกะรอยเครือข่ายธุรกิจสกุลเงินดิจิทัลขายฝันชาวต่างชาติย้านฐานมาอยู่ในไทย หลอกชาวบ้านให้ร่วมลงทุนแบบแชร์ลูกโซ่ พบแห่ถอนเงินออกนอกประเทศแล้วนับ 100 ล้านแนะผู้ที่ตกเป็นเหยื่อแจ้งความด่วน

เมื่อวันที่ 26 มิ.ย. พล.ต.ต.ธวัชชัย มวญนรา ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพิจิตร เปิดเผยว่า ขณะนี้รับทราบพฤติกรรมของแก๊งนักธุรกิจที่ลงทุนด้านการเงินจากประเทศเวียดนามแล้วย้ายฐานที่มั่นของบริษัทที่มีการการทำธุรกรรมที่เป็นสกุลเงินดิจิทัล โดยให้คนไทยเป็นหุ่นเชิดมีทำเลที่ตั้งบริษัทอยู่ในเขตหมู่ 8 ต.ป่ามะคาบ อ.เมือง จ.พิจิตร ซึ่งขณะนี้ได้ให้ตำรวจชุดสืบสวนเฝ้าติดตามพฤติกรรมอย่างใกล้ชิดแล้ว

พล.ต.ต.ธวัชชัย กล่าวว่า พฤติกรรมของแก๊งดังกล่าว จะเป็นนักธุรกิจที่ลงทุนด้านการเงินในประเทศเวียดนาม ก่อนที่จะย้ายเข้ามาในประเทศไทยและร่วมมือกับคนไทยชักชวนให้นักลงทุนสัญชาติต่างๆ ในภูมิภาคเอเชียกว่า 10 ประเทศ นำเงินมาลงทุนคล้ายกับการลงทุนแบบแชร์ลูกโซ่ โดยระยะแรกจะได้เงินปันผลตามที่กล่าวอ้าง ก่อนที่กลุ่มทุนชาวเวียดนามจะปฏิเสธการจ่ายเงินและผลประโยชน์ตอบแทน โดยกล่าวอ้าง ถึงปัญหาอุปสรรคทางการเงิน แต่จากการสืบสวนทางลับกลับพบว่า กลุ่มทุนดังกล่าวมีการเบิกถอนเงินสดออกจากบัญชีธนาคาร ครั้งละไม่ต่ำกว่าหลักสิบถึงหลักร้อยล้านบาท และที่สำคัญมีการโอนเงินออกไปยังนอกประเทศแล้วเป็นจำนวนมาก

ทั้งนี้ ชุดสืบสวนตำรวจภูธรจ.พิจิตร กำลังเร่งแกะรอย หาเบาะแส สืบสวนและสอบสวนเพื่อหาหลักฐานและจะได้เข้าจับกุมและเปิดโปงขบวนการหลอกลวงเหยื่อให้นำเงินมาร่วมลงทุนกับธุรกรรมเงินดิจิทัลขายฝันให้ผลประโยชน์ตอบแทนเกินความเป็นจริง จึงขอเตือนประชาชนอย่าหลงเชื่อกลุ่มคนที่มาชักชวนไปร่วมลงทุนแล้วจะให้ประโยชน์หรือกำไรมากมายมหาศาลเกินความจริง เพราะในโลกของความเป็นจริงไม่มีธุรกิจอะไรที่จะให้ดอก ผล สูงมากมายเหมือนดั่งคำโฆษณาชวนเชื่อ ดังนั้นหากใครตกเป็นเหยื่อธุรกิจเงินดิจิทัลขายฝันและถูกต้มตุ๋นขอให้เข้าแจ้งความได้ที่สถานีตำรวจทุกแห่งของจังหวัดพิจิตร หรือ ทุก สภ.ของประเทศไทย เพื่อจะได้สืบสวน สอบสวน ดำเนินคดีไม่ให้เกิดผลเสียกับเศรษฐกิจของประเทศชาติต่อไป

ผู้สื่อข่าวได้รายงานว่า เมื่อช่วงวันที่ 22-24 มิ.ย.ได้มีกลุ่มนักค้าเงินสกุลดิจิทัลจัดกิจกรรมขึ้นที่ศูนย์ประชุมของเอกชนแห่งหนึ่งในเขตเมืองพิจิตร ปรากฏว่า มีผู้เข้าร่วมที่เป็นทั้งชาวไทยและชาวเวียดนามจำนวนนับพันคน อีกทั้งยังปรากฏว่า มีกลุ่มนักธุรกิจที่เป็นชาวไทย ชาวเวียดนาม ชาวเกาหลี นับร้อยคนที่เคยตกเป็นเหยื่อแห่เข้าจู่โจมจะเข้าไปในห้องประชุม เพื่อทวงถามการจ่ายเงินปันผล หลังจากที่ถูกชักชวนให้เป็นเหยื่อนำเงินสด หรือโอนเงินเข้าเป็นสมาชิกกลุ่มเงินดิจิทัลจำนวนหลายสิบล้านบาท

สำหรับพฤติกรรมการหลอกลวง โดยช่วงแรกๆก็ได้รับค่าตอบแทน หรือผลกำไรเป็นอย่างงามโดยให้ไปชักชวนเพื่อนฝูง ญาติพี่น้อง ให้มาลงทุน ยิ่งหาเครือข่ายได้มากเท่าไหร่ก็ได้ผลประโยชน์ค่าแนะนำผู้แรกเข้ากลุ่มลงทุน 6 % ทันที รวมถึงยังมีโอกาสได้รหัสมีสิทธิรับรายได้สูงสุดถึง 400 % ที่มีคำโฆษณาชวนเชื่อว่า ลงทุนแล้วไม่ต้องทำอะไรรอรับรายได้ทุกวันอย่างเดียว และมีคำพูดอื่นๆล่อใจ อีกมากมาย ส่งผลให้ขณะนี้มีคนหลงเชื่อและยินยอมนำเงินมาร่วมลงทุนกับธุรกรรม ที่มีลักษณะคล้ายแชร์ลูกโซ่ ที่อ้างว่าเป็นระบบเงินดิจิทัลในยุค 5G ที่ได้รับความนิยมและเชื่อถือมาแล้วทั่วโลก

อย่างไรก็ตาม การโฆษณาชวนเชื่อระบุว่า หากสนใจก็เริ่มลงทุนด้วยเงินเพียง 110 ดอลล่าร์ หรือคิดเป็นเงินไทยประมาณ 3 พันบาทเศษ จะสร้างรายได้จ่ายปันผลให้ทุกวันจันทร์ถึงวันศุกร์ 1-2.5 % รวม 200 วัน ยิ่งลงทุนมากขึ้นก็จะได้มากขึ้นเป็นเงาตามตัว ทำให้เกิดกลุ่มแมลงเม่าบินเข้ากองไฟกันเป็นแถว ซึ่งช่วงแรกๆก็จะมีผลประโยชน์หรือผลตอบแทน แต่ในช่วงระยะยาวก็เริ่มมีปัญหาจึงเป็นที่มาของเหตุชุลมุนที่กลุ่มนักลงทุน ไทย - เวียดนาม – เกาหลี ออกมาทวงถามและเล่าถึงพฤติกรรมของธุรกรรมเงินดิจิทัลขายฝันดังกล่าว

ข่าวเด่น

ข่าวในประเทศ

ข่าวที่น่าสนใจ