Page 16 - M2F - วันจันทร์ที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2561
P. 16

16         WORK & LIFE                                                                                                   วันจันทร์ที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2561












                   8HRS A DAY                         WORK







                                                                                                                                                   ภาพ : เฟซบุ๊ค พาลูกเที่ยวดะ
                                                            START









          คนแบบไหนสอนอย่างไร



            คยคิดไหมว่า “ถ้ามีตัวเราอีก 1 คน งานคงเสร็จเร็วขึ้น
          เเป็น 2 เท่า” ฉะนั้น การสร้างทายาทที่สืบทอด DNA
          งานขึ้นมาอีกหลายๆ คน จึงสามารถปลดปล่อยเรา
          ออกจากงานอันยุ่งเหยิงได้                             How to
             ข้อมูลดีๆ จากหนังสือ “สอนลูกน้องให้เก่งและ
          เป็นงาน” ของ Matsuo Akihito แปลโดย ดร.สุลภัส
                                                               ทำ เพจเป็นงานอดิเรก
          เครือกาญจนา เผยหลากวิธีสำาหรับหัวหน้าทั้งมือใหม่
          และเก่าที่กังวลใจว่าตัวเอง “สอนไม่เก่ง” ด้วยการแยก               อย่างไรให้ ‘ปัง’
          ประเภทของคนที่เราจะสอน ดังนี้
             แบบที่ 1 พวก “มือใหม่” สอนง่ายเพราะเขาจะตั้งใจ
          เรียนรู้เพื่อซึมซับสิ่งนั้นให้ได้มากที่สุด แล้วยังทำาตาม
          อย่างว่าง่าย เนื่องจากไม่เคยมีพื้นฐานมาก่อน และที่
          สำาคัญคือไม่มีอคติในใจ                                                       จจุบันไม่ว่าเราจะทำาอาชีพอะไร ก็สามารถทำางานอดิเรกที่ชื่นชอบสร้างรายได้และ
             แบบที่ 2 พวก “เคยรู้หรือเคยทำา” มักจะนำาสิ่งที่สอน                    ปัความสุขไปพร้อมกัน ด้วยการถ่ายทอดเรื่องราวลงในเว็บไซต์ต่างๆ ซึ่งแม้การ
          ไปเทียบกับสิ่งที่เคยได้ทำาได้รู้มาแล้ว แล้วก็คิดว่า “ทำาไม               สร้างเพจจะทำาง่ายแค่ปลายนิ้วคลิกจนทำาให้มีเพจมากมาย แต่ทุกเพจที่เกิดกลับไม่ได้ปัง!
          ไม่สอนแบบนั้น” ถ้าเจอแบบนี้ก็ต้องใช้ความอดทนใน                           พ่อบอม-ปพน วงศ์ประเสริฐสุข ผู้ก่อตั้ง “เพจพาลูกเที่ยวดะ” แชร์มุมมองและประสบการณ์
          การสอนค่อนข้างมาก                                                        เพื่อนำาไปประยุกต์ทำาเพจให้โดดเด่นเติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสิ่งสำาคัญประกอบด้วย
             แบบที่ 3 พวก “มีความมั่นใจแบบไม่มีเหตุผล” รู้แต่
          ว่าฉันต้องทำาได้ เพราะฉันเคยทำางานคล้ายๆ แบบนี้แล้ว                                             เข้าใจธรรมชาติของผู้คนและช่องทางที่
          ประสบความสำาเร็จมาก่อน เช่น นักศึกษาที่เคยทำา  ทำ�เรื่องที่เร�รัก  เมื่อทำาในสิ่งที่รักและเชื่อมั่น
          กิจกรรมหรืองานอีเวนท์มาบ้าง จะไม่คอยฟังสิ่งที่สอน   การใส่ใจในรายละเอียดจะเกิดขึ้นโดยอัตโนมัติ ทำาให้คอนเทนต์ ใช้เผยแพร่  แต่ละ Platform ของการนำาเสนอนั้นมี
          อย่างนี้ต้องหยุดสอนแล้วให้เขาลองทำาเลย เมื่อได้   ออกมาดี ดูเป็นธรรมชาติ เข้าถึงกลุ่มคนที่สนใจได้ง่าย เช่น เพจ  ธรรมชาติแตกต่างกัน คนบน Youtube หรือคนในเว็บไซต์
          ผลงานออกมาค่อยมาสอนกันอีกที ว่าเพราะไม่ฟังสิ่งที่  พาลูกเที่ยวดะ ที่เกิดจากกลุ่มพ่อแม่ที่มีลูกอยู่   ต้องการเสพอะไร หรืออย่าง Facebook ที่ถูกสร้าง
          สอน ผลจึงออกมาเป็นแบบนี้                    โรงเรียนเดียวกันชวนกันออกไปเที่ยว เพราะ                  มาเพื่อแบ่งปันประสบการณ์ระหว่างเพื่อนและ
             แบบที่ 4 พวก “ไม่มั่นใจ” คนชอบคิดไปก่อนว่าจะ  เชื่อว่าโลกนี้คือห้องเรียนที่ดีที่สุดสำาหรับลูกๆ    ครอบครัว ถ้าเราอยู่ตรงกลางระหว่าง Need ของ
          ไม่สำาเร็จจึงไม่กล้าลงมือทำา แบบนี้ก็ต้องคอยประกบและ  ซึ่งสร้างสรรค์ประสบการณ์การเรียนรู้และ         ผู้คน และ Policy ของ Platform ได้ สิ่งที่เราเผยแพร่
          ช่วยสนับสนุนอยู่ห่างๆ เพื่อเพิ่มความมั่นใจให้กับเขา  พัฒนาการในทุกด้าน                               ออกไปจะไกลยิ่งขึ้น
             แบบที่ 5 พวก “อายุมากกว่า” ต้องสอนเขาอย่าง
          นอบน้อม ใจเย็น ที่สำาคัญ “ห้ามดุ” เพราะเขาอาวุโสกว่า   มีความจริงใจ การรีวิวที่เกิดขึ้นบน               โฆษณาสำาคัญแต่ต้องประกอบ
          ทางที่ดีคือพยายามให้เขาคายสิ่งที่สั่งสมมาแก่เราเพื่อ  เพจต้องเน้นสิ่งที่เกิดขึ้นจริง อย่านำาเสนอแต่
          ประโยชน์กับงาน                              มุมดีๆ จนเกิดความคาดหวัง เมื่อคนอื่นไป                   กับคอนเทนต์ที่ดี คนทำาเพจคงจะหลีกเลี่ยง
             แบบที่ 6 พวก “อายุน้อยกว่า” ต้องสอนพร้อมกับ  สัมผัสแล้วเป็นไปในทางลบ ทัศนคติของ                   การโฆษณาไปไม่ได้ แต่ถ้าเราทำาคอนเทนต์ดี
          ดึงความสามารถที่เขามีอยู่ออกมา ยอมรับและชื่นชม   ผู้ติดตามเพจจะเป็นลบ ดังนั้น เวลาเล่าเรื่องต้องรู้ว่าลูกเพจ  Facebook จะสนับสนุนเนื้อหาของเราทำาให้ผู้อ่านมากขึ้น และ
          แล้วใช้สิ่งที่เขามีอยู่นั้นให้เป็นประโยชน์  ต้องการข้อมูลอย่างไร ละเอียดแค่ไหน เพื่อการเตรียมตัว และ  ค่าโฆษณาถูกลง ก่อนที่จะเลือกโปรโมทจึงต้องมั่นใจว่า
             แบบที่ 7 พวก “ไม่อยากเรียนรู้เรื่องใหม่” เพราะ   สิ่งที่สำาคัญมากคือการรีวิวอย่างจริงใจเพื่อประโยชน์กับผู้อ่าน  คอนเทนต์ตรงตามความต้องการของผู้อ่าน และถูกต้องตาม
          คิดไปว่าป่านนี้แล้ว หรือทำาไปก็ไม่มีอะไรดีขึ้นหรอก                                           นโยบายของ Facebook
          แบบนี้ต้องสร้างแรงจูงใจหรือเปลี่ยนทัศนคติของเขาให้  โฟกัสกลุ่มเป้าหมายให้ชัดเจน ดูให้ละเอียดว่า
          เป็นบวกก่อนที่จะสอน                         กลุ่มเป้าหมายคือใคร ชอบอะไร ช่วงอายุเท่าไหร่ ฯลฯ ต้องตั้ง  ความสม่ำาเสมอ การทำาตัวเป็นสื่อกลางต้องมีความ
             แบบที่ 8 พวก “ตั้งใจมากเกินไป” ต้องระวังไม่ให้   คำาถามเกี่ยวกับพฤติกรรมของกลุ่มเป้าหมายให้มากที่สุด เพราะ  สม่ำาเสมอ น่าติดตาม เมื่อก้าวขึ้นมาทำาเพจแล้วทิ้งร้างไปสักพัก
          เขาคาดหวังหรือตั้งใจกับสิ่งที่ทำามากเกินไป เพราะจะ  สิ่งเหล่านี้จะช่วยให้การนำาเสนอคอนเทนต์ การโปรโมท และ  อัลกอริทึ่มจะดิ่ง การเข้าถึงผู้ติดตามจะตกโดยอัตโนมัติ เพราะ
          กลายเป็นความกดดันและทำาให้เครียดจนมีผลกระทบ  การยิงโฆษณามีการตอบรับที่ดี อีกทั้งยังช่วยให้เกิดปฏิสัมพันธ์  คนในยุคปัจจุบันคอนเนคกับ Social Network แทบตลอดเวลา
          กับงาน                                      บนหน้าเพจอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะทำาให้เพจมีคุณภาพเพิ่มขึ้น  การสื่อสารกับผู้ติดตามจึงเป็นสิ่งที่ละเลยไม่ได้
   11   12   13   14   15   16   17   18   19   20   21